กรุงเทพฯ ประเทศไทย 17 มีนาคม 2566 – การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเสียวหมี่นั้นถูกขับเคลื่อนจากวิสัยทัศน์และความเข้าใจในตลาดของนักออกแบบ ทำให้เกิดแนวคิดใหม่ๆ ที่ยกระดับบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์เสียวหมี่ ในขณะเดียวกันก็ยังคงเอกลักษณ์ที่เป็นแรงบันดาลใจการเติบโตของเสียวหมี่เอาไว้

การเปิดตัวสมาร์ทโฟน Mi 1 ในปี 2011 เป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จของเสียวหมี่ โดยเสียวหมี่เลือกจำหน่ายผลิตภัณฑ์บนช่องทางแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งเป็นการสร้างความแตกต่างจากผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายอื่นที่ต้องพึ่งพาผู้จัดจำหน่ายออฟไลน์เป็นหลัก นี่จึงนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในการให้คุณค่ากับการขนส่งคุณภาพสูงและข้อกำหนดด้านบรรจุภัณฑ์ที่เข้มงวดของเสียวหมี่
คุณเฉิน ลู่ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่าย Ecosystem และผู้อยู่เบื้องหลังการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ล้ำสมัยของเสียวหมี่ ได้เผยถึงแนวคิดการออกแบบบรรจุภัณฑ์ของเสียวหมี่ไว้ว่า “การออกแบบบรรจุภัณฑ์ของเสียวหมี่นั้นจะสะท้อนถึงความเรียบง่าย ใช้งานได้จริงและเข้าถึงง่าย” คุณเฉินยังกล่าวถึงจุดเริ่มต้นแห่งเส้นทางการออกแบบที่เสียวหมี่ที่เริ่มต้นขึ้นในปี 2011 ณ เวลานั้นมีความท้าทายต่างๆ เข้ามามากมาย ไม่ว่าจะเป็น งบประมาณที่มีจำนวนไม่มาก ตัวเลือกซัพพลายเออร์ที่มีจำกัด และเวลาที่กระชั้นชิด โดยสิ่งที่พาเสียวหมี่ก้าวข้ามผ่านอุปสรรคเหล่านั้นมาได้ก็คือออกแบบที่สร้างสรรค์ เมื่อก่อนบรรจุภัณฑ์ของสมาร์ทโฟนเป็นเพียงกล่องของขวัญพื้นฐานแบบธรรมดาที่มีการพิมพ์ลงบนกล่อง ดังนั้นเพื่อให้บรรจุภัณฑ์ของเสียวหมี่โดดเด่นและอยู่ในงบประมาณและสร้างความแตกต่างจากแบรนด์อื่น เสียวหมี่จึงบัญญัติหลักการออกแบบสามประการสำหรับบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ในปีเดียวกันนั้นเอง ประการแรก คือ จะต้องเป็นการออกแบบที่เน้นเทคโนโลยี ประการที่สอง จะต้องทำการจัดส่งได้ทันทีหลังจากมีการสั่งซื้อออนไลน์ และประการสุดท้าย ต้องเป็นโซลูชั่นที่คุ้มค่ากับลูกค้า ด้วยเหตุนี้โทรศัพท์เครื่องแรกของเสียวหมี่จึงถูกบรรจุในกล่องที่ไม่เหมือนใครซึ่งทำจากกระดาษคราฟท์ที่ไม่เหมือนกับของที่พบเห็นได้ทั่วไปในท้องตลาด

ในปี 2012 ด้วยปริมาณผู้ใช้งานที่มีมากกว่าล้านคน ความคาดหวังในแบรนด์เสียวหมี่ก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย เสียวหมี่ตระหนักดีว่าผู้ใช้ของเราจะมีปฏิสัมพันธ์กับเสียวหมี่ผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก ดังนั้นประสบการณ์การแกะกล่องบรรจุภัณฑ์จึงมีผลกับมุมมองของพวกเขาต่อแบรนด์และผลิตภัณฑ์เสียวหมี่ ด้วยเหตุนี้เสียวหมี่จึงให้ความสำคัญกับบรรจุภัณฑ์ในการเป็นจุดเริ่มต้นของการสื่อสารระหว่างแบรนด์เสียวหมี่กับผู้ใช้งาน ในปี 2013 การออกแบบบรรจุภัณฑ์รุ่นที่สองได้ถูกพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น โดยมีการใช้เนื้อกระดาษคราฟท์เพื่อให้ความรู้สึกที่อบอุ่นและเป็นธรรมชาติเพื่อแสดงให้เห็นว่าเสียวหมี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่แบรนด์เทคโนโลยีเท่านั้น แต่เราคือไลฟ์สไตล์

การเปลี่ยนแปลงในบรรจุภัณฑ์ใหม่ คือ การรวมเอาโทรศัพท์และที่วางอุปกรณ์เสริมไว้ในถาดเดียวกันแทนการใช้สองถาด และวางอุปกรณ์เสริมไว้ด้านในที่วางโทรศัพท์เพื่อให้โครงสร้างภายในเรียบง่ายขึ้น ตัวกล่องเองยังถูกทำให้บางลงด้วยการลดความสูงของกล่องให้เท่ากับแท่นชาร์จ นอกจากนี้ยังเพิ่มที่จับขนาดเล็กไปบนซองคู่มือการใช้งานเพื่อประสบการณ์การแกะกล่องที่ดียิ่งขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้คือแพ็คเกจของ Mi 3 นั้นมีความเรียบง่ายขึ้นและเบาบางลงกว่าเดิม ในขณะเดียวกันในด้านผลิตภัณฑ์ AIoT ของเสียวหมี่นั้นมีความโดดเด่นด้วยการออกแบบที่เรียบง่ายและมีสไตล์ที่มินิมอล และเพื่อโชว์ความโดดเด่นของสินค้า บรรจุภัณฑ์ส่วนใหญ่ของผลิตภัณฑ์ AIoT จึงเป็นสีขาว

แนวคิดการออกแบบบรรจุภัณฑ์ของเสียวหมี่มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา เราทำการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้และมอบประสบการณ์ของผลิตภัณฑ์ที่เหนือระดับ ทำการปรับแต่งรายละเอียดบรรจุภัณฑ์อย่างไม่หยุดยั้งและใส่ใจในทุกรายละเอียดของกระบวนการผลิต สิ่งนี้จะช่วยรับประกันประสบการณ์อันยอดเยี่ยมให้กับผู้ใช้งานของเราควบคู่ไปกับการออกแบบของเราที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ
นอกจากนี้ คุณเฉินยังกล่าวเพิ่มเติมถึงสิ่งที่เสียวหมี่คำนึงถึงเป็นอย่างมากในการออกแบบผลิตภัณฑ์ นั่นคือ การออกแบบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม คุณเฉินแสดงจุดยืนที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “การผลักดันให้มีการปฏิบัติที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมในบรรจุภัณฑ์เป็นสิ่งที่กำลังทำกันมากขึ้นทั่วโลก ในฐานะผู้บุกเบิกแบรนด์เทคโนโลยีระดับโลกอย่างเสียวหมี่ เรามุ่งมั่นที่จะนำโซลูชันที่ยั่งยืนมาใช้ในบรรจุภัณฑ์อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของเรา แม้ว่าในปัจจุบันบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ของเรานั้นยังจำเป็นต้องใช้วัสดุจากพลาสติก เช่น PET, PP, PS และ EPS สำหรับการรองรับภายใน แต่เพื่อการแสวงหาบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เราทำการสำรวจหาโซลูชันในการออกแบบที่จะใช้กระดาษเป็นหลักเพื่อทดแทนการใช้พลาสติกอย่างต่อเนื่อง และเพื่อเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เราได้ทำการเปิดตัวการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนมากขึ้นเมื่อ 3 ปีที่แล้ว โดยมีสองความคิดริเริ่มหลักคือ: The One Paper Box และแผน 2R (Reduce/Recycle) สำหรับ One Paper Box คือการใช้กระดาษแผ่นเดียวสำหรับรองรับทั้งด้านนอกและด้านในบรรจุภัณฑ์เพื่อช่วยลดการสิ้นเปลืองวัสดุสำหรับสินค้าขนาดเล็ก ในขณะที่แผน 2R คือการแทนการรองรับด้านในด้วยพลาสติกในสินค้าขนาดใหญ่ด้วยกระดาษหรือเยื่อกระดาษ”

การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่เริ่มความนิยมกันอย่างแพร่หลายทั่วโลกเองก็มีอุปสรรคเช่นกัน ที่เสียวหมี่เราตระหนักว่าการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนนั้นจำเป็นจะต้องมีนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับการส่งเสริมวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยที่แนวทางการออกแบบของเราให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการลดการใช้พลาสติก เป้าหมายของเราคือการใช้ถาดกระดาษหรือเยื่อกระดาษในขณะที่ก็สามารถลดต้นทุนด้วยการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมที่สุดด้วยเช่นกัน โดยคุณเฉินกล่าวย้ำว่าเธอมองว่าการออกแบบที่ยั่งยืนจะยังคงเป็นแนวโน้มในอนาคตของการออกแบบบรรจุภัณฑ์ต่อไปเรื่อยๆ โดยเน้นไปที่การนำกลับมาใช้ใหม่หรือใช้ซ้ำได้ ในขณะเดียวกันลูกค้าก็หันมาใส่ใจกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ด้วยการลดการใช้พลาสติกและการทำให้บรรจุภัณฑ์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นและมีน้ำหนักเบาจะเป็นสิ่งสำคัญในการออกแบบในอนาคตอย่างแน่นอน

คุณเฉินกล่าวปิดท้ายสำหรับผู้ที่สนใจในเส้นทางการออกแบบเช่นเธอว่า “การออกแบบสำหรับฉันไม่ใช่แค่งาน แต่คือความหลงใหล การที่ฉันได้เอาความสนใจของฉันเข้ามาผสานเข้ากับงานได้ถือเป็นเรื่องที่วิเศษมาก สิ่งนี้ช่วยผลักดันให้ฉันมุ่งมั่นกับเป้าหมายและออกแบบต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ความเรียบง่ายของการออกแบบมักซ่อนความพยายามและความคิดริเริ่มของผู้ออกแบบเอาไว้เสมอ นักออกแบบต้องติดตามเทรนด์ มีความสนใจใคร่รู้ในการปรับปรุงแต่ละกระบวนการ และสำรวจวัสดุใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา”
###
เกี่ยวกับเสียวหมี่
เสียวหมี่ก่อตั้งขึ้นในเดือนเมษายน 2010 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Main Board of the Hong Kong Stock Exchange ในวันที่ 9 กรกฎาคม 2018 (1810.HK) เสียวหมี่เป็นบริษัทอินเทอร์เน็ตที่มีสมาร์ทโฟนและสมาร์ทฮาร์ดแวร์อัจฉริยะที่เชื่อมต่อด้วยแพลตฟอร์ม Internet of Things (IoT) เป็นแกนหลัก
ด้วยวิสัยทัศน์ของการเป็น “มิตรของผู้ใช้งานและบริษัทที่ทันสมัยที่สุดในใจผู้ใช้งานทุกคน” เสียวหมี่จึงมีความพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะพัฒนานวัตกรรม ประสบการณ์การใช้งานที่ดีเยี่ยม ตลอดจนการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะไม่ลดละการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในราคาที่เป็นมิตร เพื่อให้ทุกคนบนโลกนี้สามารถเข้าถึงคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจากนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้
เสียวหมี่คือหนึ่งในบริษัทสมาร์ทโฟนชั้นนำของโลก ตามรายงานจาก Canalys ส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัทในการจัดส่งสมาร์ทโฟน นั้นอยู่ในอันดับที่ 3 ของโลกในไตรมาสที่สามของปี 2565 นอกจากนี้เสียวหมี่ยังเป็นผู้นำด้านการก่อตั้งแพลทฟอร์ม AIoT (AI+IoT) ของโลกโดยมีสินค้าอัจฉริยะเชื่อมต่อกับแพลทฟอร์มกว่า 558 ล้านเครื่อง ณ วันที่ 30 กันยายน 2565 โดยยังไม่รวมสมาร์ทโฟน แล็ปท็อปและแท็บเล็ต ผลิตภัณฑ์ของเสียวหมี่มีวางจำหน่ายกว่า 100 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก และในเดือนสิงหาคม 2565 เสียวหมี่ยังติดอันดับที่ 266 บน Fortune Global 500 นับเป็นการติดอันดับครั้งที่สี่ติดต่อกัน และไต่อันดับขึ้นมาถึง 72 อันดับเมื่อเทียบกับปี 2564
เสียวหมี่เป็นส่วนหนึ่งของ Hang Seng Index, Hang Seng China Enterprises Index และ Hang Seng TECH Index
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเสียวหมี่ สามารถเข้าชมได้ที่ https://www.mi.com/global/discover/newsroom