ทุกคนที่ทำงานกับอุปกรณ์ไฟฟ้าหรือเครื่องกลไฟฟ้าต่างรู้ดีว่าความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญ แต่การกำหนดวิธีการเพื่อให้บรรลุความปลอดภัยได้ในสภาพแวดล้อมการทำงานที่เฉพาะเจาะจงนั้นต้องอาศัยมุมมองที่กว้างขึ้น มีกฎและมาตรฐานทุกประเภทเพื่อกำกับดูแลให้เป็นไปตามแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดภายในสถานที่ทำงานที่บรรดามืออาชีพต้องเรียนรู้และปฏิบัติตาม และนำมาตรฐานเหล่านั้นมาเป็นเครื่องมือสำหรับใช้ปฏิบัติงานของตนเอง

Fluke ผู้นำระดับโลกด้านเครื่องมือทดสอบอิเล็กทรอนิกส์ระดับมืออาชีพ ได้ดำเนินการสำรวจด้านความปลอดภัยประจำปี ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 มีผู้เข้าร่วมการสำรวจระบุว่า ความปลอดภัยในที่ทำงานเป็นความรับผิดชอบของทุกคน ซึ่งคำตอบที่ได้รับจากการสำรวจนั้นมาจากบุคคลในหลากหลายอุตสาหกรรมและตำแหน่งงาน เช่น ช่างไฟฟ้า วิศวกร ช่างเทคนิค กลศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์การวิจัย อาจารย์ด้านความปลอดภัย และอื่นๆ
ความปลอดภัยในที่ทำงานเป็นความรับผิดชอบของทุกคน
ความปลอดภัยในที่ทำงาน เป็นเรื่องที่ทุกคนล้วนมีบทบาทสำคัญ มีผู้ตอบแบบสำรวจคนหนึ่งกล่าวว่า “ทุกคนมีหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้กันและกัน หากพนักงานคนอื่นกำลังตกอยู่ในความไม่ปลอดภัย ให้โทรหาพวกเขา ฉันคาดหวังอย่างเต็มที่ว่าพนักงานทุกคนจะคอยดูแลกัน และรักษาความปลอดภัยให้กันและกัน”
ในความคิดเห็นที่ว่า บริษัทต่างๆ จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้ดีเพียงใด แม้ว่าผลที่ออกมาไม่ค่อยเป็นไปในทางบวกนัก แต่ดูเหมือนว่าจะมีความเห็นที่เป็นเอกฉันท์ในหมู่ผู้ตอบแบบสำรวจว่า ใครเป็นผู้รับผิดชอบด้านความปลอดภัยในที่ทำงานมากที่สุด (พนักงานแต่ละคน) และใครมีความรับผิดชอบน้อยที่สุด (ทรัพยากรบุคคล) โดยนำมาสรุปในภาพรวมได้ดังนี้
พนักงานแต่ละคน (Individual Workers) — ผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่ (79%) เห็นพ้องกันว่า พนักงานแต่ละคนมีความรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของตนเองในสถานที่ทำงานมากที่สุด ไม่ว่าจะมีการกำหนดนโยบายความปลอดภัยไว้กี่ข้อ หรือจัดหาชุดป้องกัน PPE ไว้มากน้อยเพียงใด หากพนักงานไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนความปลอดภัยเหล่านั้นและสวม PPE ที่เหมาะสมแล้วก็ตาม นโยบายก็ไม่มีประโยชน์
หัวหน้างาน (Supervisors) ผู้ตอบแบบสำรวจเลือกหัวหน้างาน เป็นอันดังสองรองจากพนักงานแต่ละคน ให้เป็นผู้รับผิดชอบด้านความปลอดภัยสูงสุด หัวหน้างานมีหน้าที่รับผิดชอบประจำวันในการรักษาความเป็นอยู่ที่ดีและประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน ความรับผิดชอบส่วนหนึ่ง คือ การทำให้พนักงานตระหนักถึงการฝึกอบรมที่จำเป็นต่อการทำงาน และสร้างความมั่นใจว่า พวกเขาได้นำเอาการฝึกอบรมและมาตรการด้านความปลอดภัยมาใช้อย่างจริงจัง และเหนือสิ่งอื่นใด หัวหน้างานต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่ทำให้พนักงานรู้สึกสบายใจที่จะรายงานสภาพสถานที่ทำงานที่ไม่ปลอดภัยได้โดยไม่ต้องกลัวการตอบโต้
ผู้นำบริษัท (Company Leadership) ต่างไปจากผลสำรวจของปีที่แล้ว โดยผู้ตอบแบบสำรวจในปี ค.ศ. 2023 ระบุว่า ผู้นำของบริษัทเป็นบุคคลที่มีความรับผิดชอบสูงสุดเป็นอันดับสามเมื่อพูดถึงเรื่องความปลอดภัยในที่ทำงาน ความรู้สึกดังกล่าวชี้ให้เห็นถึงความต้องการแรงกดดันน้อยลงเพื่อให้งานเสร็จอย่างรวดเร็ว และความต้องการการฝึกอบรมเพิ่มเติมจากผู้นำบริษัท
ผู้จัดการความปลอดภัย (Safety Manager) ผู้จัดการความปลอดภัยมีหน้าที่รับผิดชอบในภาพรวมด้านความปลอดภัย พวกเขาสร้างนโยบายเพื่อกำจัดอันตรายในที่ทำงาน และฝึกอบรมพนักงานเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า มีการปฏิบัติตามนโยบายและขั้นตอนเหล่านั้น ผู้ตอบแบบสอบถามหลายคนไม่เห็นด้วยกับข้อความที่ว่า บริษัทส่วนใหญ่มีการฝึกอบรมด้านความปลอดภัยทางไฟฟ้าอย่างเพียงพอ ซึ่งในความเป็นจริง มีเพียง 30% เท่านั้นที่เห็นด้วยอย่างยิ่ง หรือเห็นด้วยว่า บริษัทต่างๆ จัดให้มีการฝึกอบรมด้านความปลอดภัยที่เพียงพอหรือเหมาะสม
ผู้ตอบแบบสอบถามคนหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่า “บริษัทส่วนใหญ่มักพูดถึงเรื่องความปลอดภัย แต่ไม่เต็มใจที่จะจ่ายเงินเพื่อการฝึกอบรม หรือมีการดึงคนออกไปจากสนามการฝึกอบรม เหตุเพราะมันส่งผลกระทบต่อผลกำไรและความก้าวหน้าของงาน”
ฝ่ายทรัพยากรบุคคล (Human Resources) ฝ่าย HR ถูกพิจารณาว่า มีความรับผิดชอบต่อวันน้อยที่สุดต่อความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานตามแบบสำรวจความปลอดภัยของ Fluke ปี 2023 อย่างไรก็ตาม ฝ่าย HR ไม่ได้มีหน้าที่รับผิดชอบด้านความปลอดภัยทั้งหมดในสถานที่ทำงาน ทีมงานนี้มีบทบาทในการช่วยสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย ตั้งแต่การกำหนดนโยบายการจ้างงาน ไปจนถึงการตรวจสอบสถานะในแต่ละขั้นตอนในกระบวนการว่าจ้าง เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัคร ฝ่าย HR จะมีหน้าที่รับผิดชอบในการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อความปลอดภัยในที่ทำงาน
ที่มา: Fluke Corporation