Universal Robots โชว์การตรวจจับชิ้นส่วนโดยใช้การเรียนรู้ระดับลึกสำหรับหุ่นยนต์ดูแลเครื่องจักรที่ IMTS

Universal Robots (UR) บริษัทผู้บุกเบิกด้านหุ่นยนต์ร่วมปฏิบัติงาน (cobot) เสนอวิธีการดูแล/ให้บริการเครื่องจักรที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่งาน IMTS ซึ่งวิธีการใหม่นี้จะช่วยให้การปรับเปลี่ยนชุดงานทำได้เร็วขึ้นโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ติดตั้ง นอกจากนี้ ยังจัดแสดงการใช้งานหุ่นยนต์ร่วมปฏิบัติงานขั้นสูงสำหรับการเชื่อม การตกแต่ง การป้อนชิ้นส่วน และการทำเครื่องหมายด้วยเลเซอร์

Universal Robots จัดแสดงรูปแบบการใช้งานใหม่ๆ ที่ขับเคลื่อนด้วยโคบอตในงาน IMTS ซึ่งรวมถึงการวางแผนจัดเส้นทางแบบพลวัต (ภาพตรงกลางด้านล่าง) ช่วยให้โคบอตสามารถเคลื่อนที่ตามเส้นทางที่เกิดประสิทธิผลสูงสุดและไม่มีการชนกัน โดยผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องกำหนดรูปแบบการเคลื่อนไหวเหล่านี้ ซึ่งความสามารถนี้จะมีประโยชน์อย่างมากในกรณีที่ไม่ทราบตำแหน่งที่แน่นอนของชิ้นส่วนที่ต้องการให้หุ่นยนต์หยิบจับ

งาน IMTS ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-14 กันยายน 2567 ที่เมืองชิคาโก สหรัฐอเมริกา UR มีการสาธิตการดูแลเครื่องจักรที่มีความสามารถในการรับรู้บนฐานของ AI ใหม่ ซึ่งทำงานบนไลบรารีเร่งความเร็ว NVIDIA Jetson and Isaac ที่รวมอยู่ในแพลตฟอร์ม PolyScope X ใหม่ของ UR การผสมผสานนี้ทำให้สามารถวางแผนจัดเส้นทางแบบพลวัตได้ จึงมั่นใจได้ว่าหุ่นยนต์จะเข้าและออกจากเครื่องจักรตามเส้นทางได้อย่างมีประสิทธิผลสูงสุดโดยไม่ชนกัน โดยที่ไม่ต้องไปกำหนดค่าผู้ใช้มากมาย

UR วางแผนที่จะทำให้เทคโนโลยีล้ำสมัยนี้พร้อมสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย รวมถึงการดูแลเครื่องจักร และใช้ในงานขนถ่ายวัสดุต่างๆ

ตามข้อมูลการสำรวจเมื่อไม่นานมานี้เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีและแผนการลงทุนในอนาคตของผู้ผลิต 1,200 รายทั่วอเมริกาเหนือและยุโรป ที่ดำเนินการโดย Universal Robots ผู้ตอบแบบสำรวจกว่า 50% ระบุว่า ปัจจุบันพวกเขากำลังใช้ AI และการเรียนรู้ของเครื่องในกระบวนการผลิตของพวกเขา

Ujjwal Kumar ประธานกลุ่มบริษัท Teradyne Robotics ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Universal Robots กล่าวว่า — “AI ไม่ใช่แค่กระแสเท่านั้น เรากำลังมุ่งไปที่ AI ในทางกายภาพที่มีความน่าสนใจอย่างมีนัยสำคัญ โดยเพิ่มฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ที่มีสมรรถนะสูงให้กับระบบควบคุมของเรา และลงทุนอัปเกรดซอฟต์แวร์เฉพาะด้าน เรากำลังสร้าง UR ให้เป็นแพลตฟอร์มหุ่นยนต์ที่ต้องการสำหรับการพัฒนาและการใช้งาน AI”

ทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับช่วงเวลาทำงาน

พารามิเตอร์หนึ่งที่สำคัญในการผลิต คือ ช่วงเวลาทำงาน (uptime) ของโคบอต เพื่อให้แน่ใจว่าการทำงานเป็นไปอย่างไร้รอยต่อและมีประสิทธิภาพมากขึ้น UR จึงเปิดบริการ UR Care ซึ่งขณะนี้มีให้บริการภาคสนามในเชิงป้องกัน การซ่อม-แก้ไขที่หน้างาน การสนับสนุนจากระยะไกลโดยเฉพาะ และเฝ้าตรวจสอบงานบริการ/สมรรถนะของโคบอตบนพื้นฐานของการเชื่อมต่อคลาวด์ที่มั่นคงและปลอดภัยผ่าน UR Connect ซึ่งเปิดตัวเป็นครั้งแรกที่ IMTS

โปรแกรมให้บริการภาคสนาม ซึ่งเป็นบริการใหม่ของ UR Care ที่ให้ความมั่นใจทั้งการซ่อมหน้างานอย่างฉับไวด้วยเวลาตอบสนองระดับชั้นนำในอุตสาหกรรม และการเข้าซ่อมบำรุงเชิงป้องกันโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะด้านระบบอัตโนมัติ

บริการนี้ต่างจากข้อเสนอบริการและการซ่อมอื่นๆ ที่มักจะเกี่ยวข้องกับส่วนต่างๆ อีกหลายอย่าง ทั้ง แพลตฟอร์ม ช่องทาง และการล็อกอินเข้าระบบ โดยปัจจุบันนี้ UR นำเสนอทั้งการให้บริการ การสนับสนุน และการฝึกอบรมผ่าน myUR ซึ่งเป็นช่องทางการจัดการที่ทำได้อย่างรวดเร็ว

ระบบนิเวศที่เฟื่องฟู บ่งบอกถึงการใช้งานโคบอตใหม่ๆ

ด้วยแขนหุ่นยนต์ร่วมปฏิบัติงานกว่า 60 ตัวจาก UR ตลอดพื้นที่จัดแสดงที่ McCormick Place ในงาน IMTS 2024 จึงเป็นข้อพิสูจน์ถึงระบบนิเวศของ UR ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยมีพันธมิตรต่างๆ ทั้ง OEM, UR+ และ Certified System Integrator ที่นำเอาการใช้งานต่างๆ ที่ขับเคลื่อนด้วยโคบอตของ UR มาจัดแสดง

ระบบนิเวศของ UR+ ได้สร้างประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญเมื่อไม่นานนี้ จากการประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ UR+ จำนวน 500 รายการ โดยผลิตภัณฑ์บางส่วนที่นำมาจัดแสดงในงาน IMTS ได้แก่ Groundlight AI, การเฝ้าตรวจสอบด้วยภาพและการตรวจจับความผิดปกติโดยใช้ AI, อินเทอร์เฟซการเปลี่ยนเครื่องมือของ Zimmer ที่เข้ากันได้กับกริปเปอร์ของ Schmalz, End-of-Arm Safeguard ของ SICK, pneumagiQ ของ Impaqt Robotics, อินเทอร์เฟซกริปเปอร์ที่เป็นระบบนิวแมติกแบบยูนิเวอร์แซล และวิธีการวินิจฉัยและเฝ้าตรวจสอบระยะไกลของ Olis Robotics

จัดแสดงผลิตภัณฑ์ UR+ ร่วมกับพันธมิตร

The Finisher ของ Brinkman Automation เป็นเซลล์หุ่นยนต์อัตโนมัติสำหรับงานลบคม ขัดเงา และทำความสะอาดชิ้นงานแบบแยกส่วนตัวแรกของโลกที่ขับเคลื่อนด้วยโคบอต UR5e โดย The Finisher ทำงานแบบครบวงจร สามารถตกแต่งชิ้นงานแบบแยกส่วนด้วยความละเอียดประณีตสูง พร้อมทั้งการเปลี่ยนชิ้นงานหลายชิ้นได้อย่างรวดเร็วและง่าย อีกทั้งยังมีการรวมระบบทำความสะอาดเข้าไว้ด้วยกัน จึงไม่จำเป็นต้องไปทำความสะอาดซ้ำอีก

เครื่องเชื่อม Cobot Welder ของ Hirebotics ถูกนำมารวมเข้ากับ Auto DeltaWeld ของ Miller ทำให้ได้เครื่องเชื่อมขั้นสูงสำหรับโคบอตที่ใช้ในงานเชื่อม นอกจากนี้ Hirebotics ยังจัดแสดงแพลตฟอร์มการเขียนโปรแกรม Beacon ซึ่งขณะนี้มีฟีเจอร์ “Fine Tune” ช่วยในการปรับมุมหัวเชื่อมของหุ่นยนต์ทำได้ง่าย และฟีเจอร์ “Enhanced Stitch Weld” เป็นความสามารถใหม่ ช่วยให้จัดเรียงลำดับรูปแบบการเชื่อมจุดเกยใหม่ได้

VM15Di เครื่อง CNC แบบ 3 แกน ของ Hurco ที่ดูแลการใช้งานด้วยโคบอต UR20 ซึ่งเป็นโคบอตที่มีระยะเอื้อมไกลที่สุดของ UR โดยระบบควบคุมของโคบอตถูกนำมารวมเข้ากับเครื่อง CNC ของ Hurco สามารถทำงานร่วมกันกับส่วนต่างๆ ได้อย่างไร้รอยต่อ เช่น ประตูอัตโนมัติ กริปเปอร์ และแท่นจับแบบนิวแมติก นอกจากนี้ ยังตั้งค่าการทำงานได้ง่าย ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที โดยใช้ซอฟต์แวร์ Automation Job Manager ของ Hurco

Cobalt® Dominator ของ Laser Marking Technologies ที่ดูแลการใช้งานโดยโคบอต UR3e พร้อมกริปเปอร์ VGC10 ของ OnRobot ทำให้การทำเครื่องหมายด้วยเลเซอร์โดยไม่ต้องใช้คนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และทำซ้ำได้ พร้อมทั้งการตั้งค่าและการใช้งานที่ง่ายอย่างเหลือเชื่อ

การใช้งานเครื่องป้อนชิ้นส่วน Aries 10 ของ Lights Out Manufacturing ที่มีโคบอต UR30 ช่วยให้เปลี่ยนชิ้นส่วนทำได้รวดเร็ว จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับงานที่มีการเปลี่ยนชิ้นส่วนที่หลากหลาย

เครื่องขยายระยะ Park’N’Arc ของ Vectis Automation ใช้ในงานเชื่อม โดยทำงานร่วมกับโคบอต UR20 นอกจากนี้ ยังจัดแสดงการเชื่อมที่ทำงานร่วมกับโคบอตที่ใช้งานง่าย รวมถึง QuickTeach และ AI Path Optimization

ที่มา: Universal Robots

About pawarit

Check Also

เครื่องคัดแยกมันฝรั่งแบบหุ่นยนต์ที่อยู่บนฐานของ AI ช่วยปรับปรุงการคัดเกรดผลิตภัณฑ์และลดต้นทุน

KPM Analytics ประกาศเปิดตัวเครื่องคัดแยกแบบหุ่นยนต์ SiftAI® ภายใต้แบรนด์ Smart Vision Works โดยหุ่นยนต์นี้ถือเป็นระบบอัตโนมัติตัวแรกของอุตสาหกรรมที่ใช้สำหรับการตรวจสอบและการคัดแยกมันฝรั่งในขั้นสุดท้าย

OSARO เปิดตัว AutoModel เพื่อทำให้หุ่นยนต์ปฏิบัติตามคำสั่งซื้อที่ขับเคลื่อนด้วย AI ปรับตัวเข้ากับผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ในเวลาจริง

OSARO® ผู้นำระดับโลกด้านหุ่นยนต์ที่ใช้การเรียนรู้ของเครื่องที่รองรับการใช้งานในศูนย์ปฏิบัติการที่มีปริมาณงานสูง ได้เปิดตัว OSARO AutoModel™ ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญในแพลตฟอร์มการรับรู้ OSARO SightWorks™