“ยูนิลีเวอร์” เป็นเจ้าของแบรนด์ไอศกรีมที่มียอดขายสูงสุด 10 อันดับแรกของโลกจำนวน 5 แบรนด์ รวมถึง Wall’s, Magnum และ Ben & Jerry’s ซึ่งมียอดขาย 7,900 ล้านยูโรในปี 2023 โดยในการประกาศแผนดังกล่าว ยูนิลีเวอร์ กล่าวว่าศักยภาพในการเติบโตของไอศกรีมในอนาคตจะได้รับประโยชน์จาก “different ownership structure” พร้อมตั้งเป้าลดต้นทุนประมาณ 800 ล้านยูโรภายในปี 2570
แผนดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลให้มีการลดตำแหน่งงานประมาณ 7,500 ตำแหน่งในสำนักงานทั่วโลก จากพนักงานทั้งหมด 128,000 คน โดยก่อนหน้านี้ ได้มีการปลดพนักงานประมาณ 1,500 คนในปี 2022
โดยค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างครั้งนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.2% ของผลประกอบการในช่วง 3 ปีข้างหน้านี้ เพิ่มขึ้นจากที่แจ้งไว้ก่อนหน้านี้ประมาณ 1%
เมื่อพิจารณาถึงรูปแบบการดำเนินงานที่แตกต่างกันของธุรกิจไอศกรีม ซึ่งรวมถึงแบรนด์ยอดนิยมอย่าง Magnum และ Ben & Jerry’s คณะกรรมการของบริษัทจึงได้ตัดสินใจแยกธุรกิจเพื่อรองรับเส้นทางการเติบโตในอนาคตของทั้งสองบริษัทได้ดีที่สุด
“การลดความซับซ้อนของพอร์ตโฟลิโอของเราและการขับเคลื่อนประสิทธิภาพการผลิตที่มากขึ้นจะช่วยให้เราสามารถปลดล็อกศักยภาพของธุรกิจนี้ต่อไปได้ สนับสนุนความทะเยอทะยานของเราในการทำให้ Unilever เป็นบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของโลกที่ส่งมอบการเติบโตที่แข็งแกร่ง ยั่งยืน และความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้น” Hein Schumacher ซีอีโอ ได้กล่าว เมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่งที่ Unilever เมื่อปีที่แล้ว
Schumacher ได้ดำเนินการอย่างเด็ดขาดนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง CEO โดยเปิดตัวด้วยการซื้อหุ้นคืนมูลค่า 1,500 ล้านยูโรเมื่อเดือนที่แล้ว และมุ่งมั่นที่จะสร้างอัตราการเติบโตของกำไรขึ้นมาใหม่ ซึ่งตกอยู่ภายใต้แรงกดดันท่ามกลางฉากหลังของอัตราเงินเฟ้อภายหลังการแพร่ระบาดและสงครามในยูเครน
ที่มา : https://www.euronews.com/business/2024/03/19/unilever-creams-off-ice-cream-unit-as-it-cuts-7500-jobs และ https://www.peoplematters.in/news/talent-management/unilever-unveils-major-layoff-plan-7500-jobs-axed-to-fuel-growth-strategy-40667 และ https://www.standard.co.uk/business/unilever-job-cuts-layoffs-redundancies-marmite-magnum-hein-schumacher-boss-ceo-ftse-100-shares-b1146155.html