โดย ดร.คมกริช ไพฑูรย์ Country Director แห่ง Honeywell Thailand
ในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว องค์กรในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ต้องเผชิญกับความท้าทายที่หลากหลาย ทั้งการแข่งขันที่เข้มข้น ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และการจัดการข้อมูลจำนวนมหาศาลที่ซับซ้อนมากขึ้น การนำเทคโนโลยีมาปรับใช้จึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถก้าวข้ามข้อจำกัดเหล่านี้ และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันได้อย่างยั่งยืน
หนึ่งในเทคโนโลยีที่ได้รับความสนใจอย่างมากในปัจจุบันคือ AI Mobile Computer ซึ่งเป็นการผสานพลังระหว่างฮาร์ดแวร์ที่ชาญฉลาด และซอฟต์แวร์ที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) อุปกรณ์เหล่านี้ไม่เพียงแค่ช่วยเพิ่มความสะดวกและประสิทธิภาพในกระบวนการทำงาน แต่ยังมีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินธุรกิจอย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่การเพิ่มความแม่นยำในการประมวลผลข้อมูล การลดข้อผิดพลาดจากมนุษย์ ไปจนถึงการปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าและพนักงานในองค์กร
ในบทความนี้ ดร.คมกริช ไพฑูรย์ Country Directory แห่ง Honeywell Thailand เผยให้เห็นถึงความสามารถและคุณสมบัติของ AI Mobile Computer รวมถึงประโยชน์ที่ธุรกิจสามารถได้รับจากการใช้งานเทคโนโลยีนี้ เพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่เหนือชั้นและผลกระทบเชิงบวกที่เทคโนโลยีนี้สามารถนำมาสู่อุตสาหกรรมในยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง
AI Mobile Computer คืออะไร?
AI Mobile Computer คืออุปกรณ์แบบพกพาเชิงอุตสาหกรรมที่รวมเอาความสามารถของปัญญาประดิษฐ์เข้ากับฮาร์ดแวร์อันทรงพลัง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในทุกมิติ อุปกรณ์นี้สามารถประมวลผลข้อมูลแบบเรียลไทม์ วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก และสนับสนุนการตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด ด้วยคุณสมบัติที่หลากหลาย AI Mobile Computer จึงถูกนำไปใช้ในหลายภาคส่วน เช่น การจัดการคลังสินค้า การขนส่งและโลจิสติกส์ กลุ่มโรงงานอุตสาหรรม และกลุ่มธุรกิจค้าปลีก
ความแตกต่างระหว่าง AI Mobile Computer กับ Mobile Computer แบบดั้งเดิม
คุณสมบัติ | AI Mobile Computer | Mobile Computer แบบดั้งเดิม |
การประมวลผลข้อมูล | ใช้ AI ในการประมวลผลแบบเรียลไทม์ | การประมวลผลพื้นฐานเท่านั้น |
การวิเคราะห์ข้อมูล | วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกได้ทันที | ต้องพึ่งพาการประมวลผลจากเซิร์ฟเวอร์ |
การลดข้อผิดพลาด | ลดข้อผิดพลาดของมนุษย์ด้วยระบบอัตโนมัติ | อาศัยการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้งาน |
ความสามารถในการเชื่อมต่อ | รองรับ Wi-Fi 6 และ 5G | รองรับการเชื่อมต่อพื้นฐาน |
ความยืดหยุ่นในการใช้งาน | รองรับการทำงานในหลากหลายสภาพแวดล้อม | จำกัดในบางสภาพแวดล้อม |
จากผลสำรวจโดย Honeywell ซึ่งร่วมมือกับ Wakefield Research เพื่อสำรวจความคิดเห็นของผู้นำด้าน AI ในอุตสาหกรรมทั่วโลก การสำรวจนี้จัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 22 เมษายนถึง 2 พฤษภาคม 2024 โดยมีผู้บริหาร 1,600 คนจาก 12 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา บราซิล แคนาดา จีน ฝรั่งเศส เยอรมนี อินเดีย ญี่ปุ่น เม็กซิโก สหราชอาณาจักร ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ผู้ตอบแบบสอบถามมาจากบริษัทที่มีพนักงานอย่างน้อย 1,000 คน ซึ่งมีการใช้ AI เพื่อทำให้กระบวนการและงานต่าง ๆ เป็นอัตโนมัติ โดยทุกคนเป็นผู้มีอิทธิพลหรือผู้ตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับการใช้ AI ทั้งในแผนกของตนและระดับองค์กร
ผลการสำรวจที่สำคัญสรุปได้ว่า
82% ของผู้นำในอุตสาหกรรมระบุว่า บริษัทของตนเป็นผู้บุกเบิกการนำ AI มาใช้ ซึ่งสะท้อนถึงความสำคัญและความเชื่อมั่นในเทคโนโลยีนี้ที่มีต่อการพัฒนาและนวัตกรรมในอุตสาหกรรม
91% ของผู้นำกล่าวว่า AI ได้เปิดโอกาสใหม่ ๆ ในการใช้งานในกระบวนการที่ไม่ได้วางแผนไว้แต่เดิม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นและศักยภาพที่ AI สามารถนำมาสร้างความเปลี่ยนแปลงในองค์กร โดยสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในหลากหลายกระบวนการที่ยังไม่ได้รับการสำรวจหรือใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่
ประโยชน์ที่สำคัญที่ได้จากการนำ AI มาใช้ในอุตสาหกรรม ได้แก่:
ความพึงพอใจในงานที่ดีขึ้น – 51%
มีเวลามากขึ้นสำหรับการพัฒนาทักษะ – 49%
งานที่ต้องทำด้วยมือที่น้อยลง – 44%
ความคิดสร้างสรรค์ที่มากขึ้น – 44%
บทบาทของ AI ในการพัฒนาอุตสาหกรรม
AI ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและสนับสนุนการตัดสินใจแบบเรียลไทม์ ตัวอย่างเช่น
- การตรวจจับภัยคุกคามทางไซเบอร์: AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากและระบุความเสี่ยงได้อย่างแม่นยำ
- การบำรุงรักษาเครื่องจักรเชิงป้องกัน: ช่วยลดการหยุดชะงักในการผลิตด้วยการคาดการณ์ปัญหาและแก้ไขก่อนที่เครื่องจักรจะเสียหาย
ผลสำรวจนี้สะท้อนให้เห็นว่า AI ไม่เพียงแค่เป็นเครื่องมือที่ช่วยแก้ปัญหาที่มีอยู่ แต่ยังเป็นปัจจัยที่ขับเคลื่อนนวัตกรรมและโอกาสใหม่ ๆ ในอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้นั้นการใช้งาน AI ในการทำงานแบบอัตโนมัติจะสามารถช่วยลดความซับซ้อนในการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น โดย Honeywell ได้เปิดเผยรายงานสำรวจล่าสุดว่า “ข้อมูล การออกแบบ และผู้คน” คือกุญแจสำคัญในการใช้ AI ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในอุตสาหกรรม โดยในทุกอุตสาหกรรมที่มีการนำ AI มาใช้กำลังพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่ผลักดันผลลัพธ์ทางธุรกิจ
ข้อมูล (Data) เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การใช้งาน AI มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างที่ชัดเจนคือการปรับใช้โซลูชันดิจิทัลที่ Honeywell UOP โรงกลั่นน้ำมัน ใช้แพลตฟอร์ม Honeywell Forge เชื่อมต่อหน่วยประมวลผลกว่า 400 หน่วยใน 40 ประเทศ ช่วยให้การเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากทั่วโลกมีความเร็วและแม่นยำมากยิ่งขึ้น การใช้ AI เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลและทำให้กระบวนการต่าง ๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพถือเป็นการเสริมสร้างความได้เปรียบในด้านการดำเนินงาน
การออกแบบ (Design) ก็มีบทบาทสำคัญในการเสริมศักยภาพของ AI โดยสามารถนำไปผสานรวมกับอุปกรณ์ที่มีอยู่เดิม โดยการใช้งานเซ็นเซอร์และกล้องที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้ดียิ่งขึ้น การออกแบบที่คำนึงถึงการรวม AI อย่างราบรื่นจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สุดท้าย ผู้คน (People) เป็นส่วนที่สำคัญในการปรับใช้ AI อย่างมีประสิทธิภาพ 64% ของผู้นำด้าน AI ระบุว่า การใช้ AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน ในขณะเดียวกัน 15% กำลังมองหาวิธีการใช้ AI เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะ การฝึกอบรมและการยกระดับทักษะของพนักงานจะช่วยให้การใช้งาน AI มีผลกระทบเชิงบวกต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และเสริมสร้างความยั่งยืนในองค์กร
จากการวิจัยของ Honeywell และ Wakefield Research ชี้ให้เห็นว่าการปรับใช้ AI เป็นเครื่องมือในการเพิ่มประสิทธิภาพ การสร้างนวัตกรรม และการลดต้นทุนยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่องค์กรต้องพิจารณาในอนาคต ซึ่งการลงทุนใน AI จะนำมาซึ่งความยั่งยืนที่สามารถขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่ยุคใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและมีผลกระทบน้อยที่สุดต่อสิ่งแวดล้อม
ในที่สุด AI Mobile Computer จึงไม่เพียงแค่เป็นเครื่องมือที่เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงในอนาคตของอุตสาหกรรมที่นำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในตลาดโลก
เทคโนโลยี AI Mobile Computer ของ Honeywell ได้พลิกโฉมอุตสาหกรรม ด้วยการผสมผสานระหว่างฮาร์ดแวร์อัจฉริยะและซอฟต์แวร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI อุปกรณ์เหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและประสิทธิภาพ แต่ยังช่วยให้ธุรกิจสามารถก้าวข้ามข้อจำกัดเดิม ๆ เพื่อมุ่งสู่ความเป็นอัตโนมัติและการตัดสินใจที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น
Honeywell เปิดตัว AI-Mobile Computer พร้อมกัน 3 รุ่นใหม่ครั้งแรกในไทย
Honeywell นำเสนอ AI Mobile Computer สามรุ่น ได้แก่ CT37, CK67 และ CK62 ที่ถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน โดยร่วมมือกับ Qualcomm Technologies เพื่อสร้างฮาร์ดแวร์ประสิทธิภาพสูงที่รองรับการประมวลผลด้าน AI ได้อย่างเต็มที่
การผสมผสานโปรเซสเซอร์ AI บนอุปกรณ์ชั้นนำระดับอุตสาหกรรมของ Qualcomm Technologies เข้ากับเทคโนโลยีที่เปิดใช้งานด้าน AI ของ Honeywell จะทำให้พนักงานภาคสนามทำงานได้อย่างชาญฉลาดขึ้น ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพโดยรวมของกระบวนการเชิงอุตสาหกรรม ด้วยการนำโซลูชันที่ใช้ AI เช่น Field PKS ของ Honeywell, Multi-Modal Intelligent Agent และเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ต่าง ๆ มาปรับใช้ร่วมกัน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้กับช่างเทคนิคภาคสนามและการดำเนินการเชิงอัตโนมัติภายในองค์กร
Honeywell ได้ร่วมมือกับ Qualcomm Technologies เพื่อพัฒนา Multi-Modal AI ผู้ช่วยอัจฉริยะที่จะสนับสนุนให้พนักงานในศูนย์กระจายสินค้าและอุตสาหกรรมค้าปลีกสามารถโต้ตอบกับอุปกรณ์พกพาหรือ Mobile Computer ได้อย่างเป็นธรรมชาติผ่านเสียง รูปภาพ วิดีโอ และบาร์โค้ด โดยพร้อมให้ใช้งานได้ในช่วงต้นปี 2025 นี้
คุณสมบัติที่โดดเด่นของ AI Mobile Computer
- การประมวลผล AI ที่ทรงพลัง
AI Mobile Computer ของ Honeywell ใช้ชิปเซ็ต Qualcomm อันทรงพลังที่สามารถประมวลผลข้อมูลแบบเรียลไทม์ ไม่ว่าจะเป็นการสแกนบาร์โค้ด การติดตามสินค้าผ่าน RFID หรือการประมวลผลข้อมูลภาพจากกล้อง AI ที่ฝังในอุปกรณ์ - การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์
อุปกรณ์เหล่านี้สามารถเก็บและประมวลผลข้อมูลจำนวนมาก พร้อมวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกได้ทันที เช่น การระบุปัญหาในห่วงโซ่อุปทาน หรือการตรวจสอบคุณภาพสินค้า ช่วยให้ธุรกิจสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ - ออกแบบเพื่อความทนทานและใช้งานง่าย
AI Mobile Computer ทั้งสามรุ่นได้รับการออกแบบให้ทนต่อการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย ตั้งแต่คลังสินค้าไปจนถึงไซต์งานที่มีสภาวะแวดล้อมที่ท้าทาย เช่น ฝุ่น ความชื้น และอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง - การรองรับงานหลากหลาย
ไม่ว่าจะเป็นการจัดการสินค้าคงคลัง การติดตามการส่งสินค้า หรือการตรวจสอบกระบวนการผลิต AI Mobile Computer ของ Honeywell ช่วยลดเวลาในการดำเนินงาน พร้อมเพิ่มความแม่นยำและความปลอดภัยให้กับพนักงาน - การเชื่อมต่อที่ล้ำสมัย
รองรับเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายล่าสุด เช่น Wi-Fi 6 และ 5G ทำให้อุปกรณ์สามารถเชื่อมต่อกับระบบคลาวด์และระบบฐานข้อมูลกลางได้อย่างราบรื่น
เหนือกว่าด้วย AI Mobile Computer
AI Mobile Computer ของ Honeywell มีความเหนือกว่ามือถืออุตสาหกรรมแบบดั้งเดิมอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากระบบ AI ที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการทำงานได้หลากหลายและซับซ้อนขึ้น เช่น
- การสแกนอัจฉริยะ: AI ช่วยปรับการตั้งค่าการสแกนโดยอัตโนมัติเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุด
- การคาดการณ์ล่วงหน้า: ระบบวิเคราะห์ข้อมูลช่วยเตือนความเสี่ยงหรือปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เช่น การซ่อมบำรุงอุปกรณ์
- การลดข้อผิดพลาดของมนุษย์: ด้วยการทำงานที่อัตโนมัติและแม่นยำ ลดความผิดพลาดที่เกิดจากการป้อนข้อมูลผิด
ความคุ้มค่าในการลงทุน
นอกจากความสามารถที่ยอดเยี่ยมแล้ว AI Mobile Computer ยังช่วยลดต้นทุนในระยะยาว โดยช่วยลดการใช้แรงงานคนในงานที่ซ้ำซ้อน เพิ่มประสิทธิภาพของพนักงาน และลดความสูญเสียในกระบวนการ เช่น
- ลดเวลาที่ใช้ในการจัดการสินค้า
- เพิ่มความเร็วในการประมวลผลคำสั่งซื้อ
- ลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงด้วยการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน
บทสรุป กุญแจสู่ความสำเร็จในอนาคตที่ยั่งยืน
AI Mobile Computer เป็นตัวอย่างเด่นของเทคโนโลยีที่ช่วยให้ธุรกิจพัฒนาไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ด้วยคุณสมบัติที่ยกระดับประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และปรับปรุงกระบวนการทำงานในทุกด้าน ทั้งการประมวลผลแบบเรียลไทม์ การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก รวมถึงการเพิ่มความแม่นยำและลดข้อผิดพลาดในกระบวนการทำงาน
ธุรกิจที่เลือกใช้ AI Mobile Computer จะไม่เพียงตอบสนองความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่ยังสามารถคาดการณ์และปรับตัวต่อความท้าทายในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วยการดำเนินงานที่ยั่งยืน
การลงทุนในเทคโนโลยีนี้ยังเพิ่มศักยภาพของพนักงาน ช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างแม่นยำ และเสริมสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันระดับโลก AI Mobile Computer ไม่เพียงช่วยธุรกิจสร้างความได้เปรียบทางเศรษฐกิจ แต่ยังทำให้พร้อมก้าวสู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในอนาคต
อ้างอิง : https://www.honeywell.com/us/en/ai/research
หากท่านใดสนใจโซลูชันและผลิตภัณฑ์ของ “ฮันนี่เวลล์” สามารถติดต่อได้ทันทีที่ “วีเอสที อีซีเอส”