การกลับมาของมนุษย์ เพื่อเป็นศูนย์กลางขับเคลื่อน Industry 5.0 ในอุตสาหกรรมการผลิต สู่ความยั่งยืนและยืดหยุ่น

Industry 5.0 ในภาคการผลิตที่ซึ่งมนุษย์และเครื่องจักรโต้ตอบกันแบบเรียลไทม์ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ครั้งนี้ทำให้ผู้ผลิต พนักงาน และกระบวนการต่าง ๆ ทำงานอย่างสอดประสานโดยมีมนุษย์เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อน ตั้งแต่การพิมพ์แบบ 3 มิติไปจนถึง AI กระบวนการผลิตอยู่ในจุดเปลี่ยนสำคัญ และเป็นครั้งแรกที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการให้ผู้ผลิตมีอำนาจในการดูกระบวนการของตนเองที่ชัดเจนมากขึ้น

วิวัฒนาการของ Industry

  • Industry 1.0 ปฏิวัติการผลิตด้วยเครื่องจักร (เครื่องจักรไอน้ำ)
  • Industry 2.0 ทำลายพลังของช่างฝีมือ ด้วยการปรับใช้ระบบไฟฟ้าและสายพานลำเลียงในการผลิตเพื่อการผลิตจำนวนมาก
  • Industry 3.0 เริ่มเข้ามาแทนที่กล้ามเนื้อของมนุษย์ ด้วยหุ่นยนต์เข้ามาทำให้กระบวนการผลิตเป็นอัตโนมัติ
  • Industry 4.0 เริ่มที่จะขยายสมองของมนุษย์ ด้วย IoT เทคโนโลยีเชิงวิเคราะห์ข้อมูล การประมวลผลแบบคลาวด์ ข้อมูลขนาดใหญ่ และการเชื่อมต่อเครือข่ายในเครื่องจักร
  • Industry 5.0 มนุษย์เป็นศูนย์กลาง มุ่งเน้นความยั่งยืน และความยืดหยุ่น

Industry 3.0 และ 4.0 นำมาซึ่งการปฏิวัติเทคโนโลยีเชิงอัจฉริยะ ทำให้ผู้ผลิตสามารถเข้าใจการเคลื่อนตัวของข้อมูลที่คล่องตัว อย่างไรก็ตาม Industry 5.0 มองเห็นยุคใหม่ที่องค์ประกอบของมนุษย์ถูกนำกลับมาใช้ในกระบวนการผลิตอีกครั้ง ในยุคนี้ ยังมีโอกาสในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI ขณะเดียวกันก็สร้างอุตสาหกรรมที่เน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลาง เพื่อความยั่งยืนและความยืดหยุ่นในการดำเนินธุรกิจ

การแลกเปลี่ยนข้อมูลการผลิตมีวิวัฒนาการที่เข้าใกล้จะบรรลุศักยภาพที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างเต็มที่แล้ว ย้อนกลับไปที่ Industry 3.0 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง โดยโรงงานต่าง ๆ เริ่มนำการเชื่อมต่อมาใช้ อย่างเช่น ERP แบบรวมศูนย์ที่เชื่อมต่อด้านต่าง ๆ ของระบบเพื่อการทำความเข้าใจและบูรณาการการเคลื่อนย้ายข้อมูลที่เชื่อมโยงถึงกัน

เมื่อเข้าสู่ยุคการเปลี่ยนผ่านเป็นดิจิทัล Industry 4.0 ก็เริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญ โดยระบบ ERP แบบรวมศูนย์ได้พัฒนาให้มีลักษณะเป็นโมดูลาร์มากขึ้น ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนในการเดินทางสู่การทำความเข้าใจข้อมูลที่มีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา โดยที่โลกของเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) และเทคโนโลยีการปฏิบัติการ (OT) เริ่มบูรณาการซึ่งกันและกันและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน เช่น ระบบการดำเนินการผลิต (MES) ระบบ SCADA และระบบตรวจจับข้อผิดพลาดในอดีตที่ใช้อยู่ฝั่งโรงงาน

การกลับมามีความสำคัญของมนุษย์ในภาคการผลิต

จาก Industry 4.0 เรากำลังมุ่งหน้าสู่ Industry 5.0 ในขณะที่ Industry 4.0 มุ่งเน้นไปที่การบูรณาการเทคโนโลยีเชิงอัจฉริยะเข้ากับการผลิตและห่วงโซ่อุปทาน Industry 5.0 ก้าวไปไกลกว่านั้นด้วยการนำองค์ประกอบของมนุษย์กลับเข้ามามีบทบาทในอุตสาหกรรมอีกครั้ง โดย Industry 5.0 สร้างขึ้นบนรากฐานของความเร็วและประสิทธิภาพที่เทคโนโลยีเครื่องจักรมอบให้ใน Industry 4.0 โดยเน้นไปที่การเปลี่ยนผ่านสู่แนวทางการผลิตที่ยั่งยืน เน้นที่มนุษย์ และความยืดหยุ่น โดยมีการวิจัยและนวัตกรรมเป็นแกนหลัก

องค์กรต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมองว่า แรงงานมนุษย์เป็นแกนหลักของ Industry 5.0 โดยการเติบโตของบริษัทจะขับเคลื่อนด้วยการผสมผสานระหว่างนวัตกรรมและแรงงาน นอกจากนี้ ยังมีโอกาสเร่งด่วนในการใช้ประโยชน์จาก AI ขณะเดียวกันก็ต้องจับตาดูความสำคัญของมนุษย์ ความยั่งยืน และความยืดหยุ่นด้วย การจะทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้นั้น จำเป็นต้องมีการสร้างสมดุลทางเทคนิคเพื่อให้แน่ใจว่ามนุษย์และเครื่องจักรจะสามารถทำงานร่วมกันได้ โดยผ่านการเรียนรู้จากทั้งสองฝ่ายเข้าด้วยกัน

การบรรลุความสมดุลนี้เริ่มต้นที่ระดับข้อมูล Industry 5.0 จะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการบรรจบกันของ IT และ OT มากขึ้น โดยรวบรวมข้อมูลในโรงงานแบบเรียลไทม์เพื่อช่วยเชื่อมช่องว่างอย่างไร้รอยต่อ รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างต่อเนื่อง และนำเสนอมุมมองที่ครอบคลุมเกี่ยวกับการดำเนินการผลิต จากนั้นจึงสามารถส่งมอบข้อมูลเหล่านี้เพื่อให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่สำคัญ โดยเฉพาะแรงงานในชั้นแนวหน้าของโรงงาน สามารถตัดสินใจที่สำคัญได้โดยอิงจากข้อมูลที่ถูกต้องแบบเรียลไทม์

จำเป็นต้องมีแนวทางใหม่ในการแลกเปลี่ยนข้อมูล ซึ่งต้องมีตัวช่วยที่หลากหลาย

ลองนึกภาพโลกที่การดำเนินธุรกิจไม่ถูกจำกัดด้วยความล่าช้าหรืออุปสรรคอีกต่อไป หลักการนี้ใช้ได้ไม่เพียงแต่ในโรงงานเท่านั้น แต่ยังใช้ได้กับส่วนอื่น ๆ ขององค์กรและทุกมิติของธุรกิจด้วย จะเป็นอย่างไรหากคุณสามารถเชื่อมต่อทุกอย่างเข้าด้วยกันได้ แม้ว่าคุณจะใช้หลากหลายระบบในการจัดการการผลิตในสำนักงานส่วนหน้าและส่วนหลังพร้อม ๆ กันก็ตาม

ระบบ OT ที่มีระบบในชั้นของ IT ที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้บนระบบคลาวด์ที่มีหลายไซต์และที่สำคัญที่สุดคือ สตรีมแบบแบบเรียลไทม์ โดยเฉพาะระบบปฏิบัติการ เช่น MES, Programmable Logic Controllers (PLC), SCADA, OPC Unified Architecture (OPC UA) เชื่อมต่อกับ Master Data, Product Lifecycle Management (PLM), Customer Relationship Management (CRM), Incident Management จาก SAP, Salesforce, ServiceNow, Microsoft, Oracle และอื่นๆ อีกมากมาย

ระบบเหล่านี้สามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างราบรื่นในกรณีการใช้งานที่หลากหลายของโรงงาน คลังสินค้า และโลจิสติกส์ เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ การรวมระบบต้องคิดค้นตัวเองขึ้นมาใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องนำเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่กำลังได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลายในการดำเนินการของโรงงาน เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาเพื่อให้เกิด Industry 5.0 และโลกที่ขับเคลื่อนด้วย AI นี้ เราจำเป็นต้องคิดต่างออกไปจากเดิม

ซอฟต์แวร์แบบรวมศูนย์ คือสิ่งที่ถูกปรับใช้สำหรับแนวคิดการบูรณาการในรูปแบบที่ทันสมัยมากกว่า เราจะต้องหยุดใช้การอัปเดตแบบดั้งเดิม

Agentic AI และ Metaverse คืออนาคตของโรงงานยุคใหม่

Metaverse ในอุตสาหกรรมเน้นย้ำถึงศักยภาพที่จะปฏิวัติกระบวนการผลิตและการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการ ซึ่งเป็นไปได้ด้วย Digital Twin ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล การจำลองโมเดล และการวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งจะช่วยปูทางที่จะเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงาน Nvidia Omniverse เป็นตัวอย่างหนึ่งที่สร้างเทคโนโลยีนี้

แต่อย่างไรก็ตาม การฝึกฝนแบบจำลอง AI แบบเรียลไทม์นั้นมีค่าใช้จ่ายและพลังงานสูง ดังนั้นเราจะผสานรวม AI เข้ากับข้อมูลแบบเรียลไทม์ได้อย่างไร?”

Agentic AI และ Retrieval Augmented Generation (RAG) กำลังถูกใช้เพื่อผสานรวมความสามารถของ GenAI เข้ากับข้อมูลแบบเรียลไทม์ ข้อมูลแบบเรียลไทม์นี้โดยพื้นฐานแล้วคือสตรีมเหตุการณ์บนเหตุการณ์ต่าง ๆ ซึ่งไหลเข้าสู่ Agent หรือ RAG ทำให้ข้อมูลเหล่านั้นทันสมัยอยู่เสมอ

ในโรงงานอุตสาหกรรมกำลังหันมาใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น โมเดล AI เพื่อยกระดับประสิทธิภาพที่ดีขึ้น หรือเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน Metaverse ในอุตสาหกรรมการผลิต ตัวช่วยสำหรับ AI คือกลไกการบูรณาการที่ขับเคลื่อนด้วยเหตุการณ์ ซึ่งให้บริบทแบบเรียลไทม์แก่ AI ในระบบอัตโนมัติ ผ่านสิ่งที่เรียกว่า “Context Mesh”

Context Mesh จะนำบริบททั้งหมดขององค์กรมารวมกัน ซึ่งสามารถทำหน้าที่เป็นรากฐานของแอปพลิเคชันที่ซับซ้อนบนพื้นฐาน AI ได้ ตั้งแต่ผู้ช่วยอัจฉริยะที่ใช้โมเดล GenAI และเครื่องมือวิเคราะห์ที่ซับซ้อน ไปจนถึงโมเดลคำแนะนำตามภาษาเครื่อง และแอปพลิเคชัน AI ที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะโดยใช้การเรียนรู้เชิงลึก ซึ่งจะกลายเป็นโครงสร้างที่ผลักดันบริบทแบบเรียลไทม์นั้นไปยัง Digital Twin เหล่านี้

Society 5.0 และ Industry 5.0 มีความสัมพันธ์กัน

แนวคิดของ Society 5.0 และ Industry 5.0 มีความสัมพันธ์กัน ทั้งสองอ้างถึงการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานในสังคมและเศรษฐกิจไปสู่กระบวนทัศน์ใหม่

Society 5.0 หรือ สังคม 5.0 พยายามที่จะสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจกับการแก้ไขปัญหาทางสังคมและสิ่งแวดล้อม ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงภาคการผลิต แต่จัดการกับความท้าทายทางสังคมที่ใหญ่ขึ้นโดยอาศัยการบูรณาการพื้นที่ทางกายภาพและเสมือนจริงเข้าด้วยกัน

Society 5.0 เป็นสังคมที่มุ่งเน้นเทคโนโลยีไอทีขั้นสูง IoT หุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ และความเป็นจริง ซึ่งจะถูกนำมาใช้อย่างแข็งขันในชีวิตประจำวันทั้งด้าน อุตสาหกรรม การดูแลสุขภาพ และกิจกรรมอื่น ๆ เพื่อความได้เปรียบทางเศรษฐกิจ และความสะดวกสบายของพลเมืองในชุมชนหรือสังคม

แนวคิดแบบเรียบง่าย คือ เพื่อบรรลุสภาพแวดล้อมเสมือนจริงและการเป็นตัวแทนของโลกแห่งความเป็นจริง จะช่วยให้มนุษย์สามารถสร้างกระบวนทัศน์และค่านิยมหลักใหม่ในองค์กรได้ ในการมุ่งสู่อุตสาหกรรม 5.0 คือการสร้างแบบจำลองโลกแห่งความเป็นจริงโดยใช้ Digital Twin และใช้ประโยชน์จากความเป็นไปได้ที่ไม่สิ้นสุด

บทสรุป

วิธีการบูรณาการแบบดั้งเดิมไม่เพียงพออีกต่อไปในภาคการผลิตที่กำลังมุ่งหน้าสู่ Industry 5.0 รากฐานของ Industry 5.0 ต้องการความร่วมมือระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักรอย่างราบรื่น ซึ่งอำนวยความสะดวกด้วยการแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบเรียลไทม์

การบูรณาการที่ขับเคลื่อนด้วยเหตุการณ์เป็นตัวช่วยสำคัญในการปลดล็อกศักยภาพทั้งหมดของข้อมูลแบบเรียลไทม์ในการผลิตในระดับโลก

Industry 5.0 เป็นแนวคิดที่จะรวมเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้าด้วยกัน เช่น AI, การเรียนรู้ของเครื่องจักร และการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ เพื่อขยายการใช้ Digital Twins ให้มากกว่าการใช้งานที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก แต่จะสามารถคาดการณ์และสร้างสรรค์ได้อย่างแม่นยำและมองการณ์ไกลมากขึ้น หรือเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จของ metaverse ผสานเข้ากับ Digital Twins ในการขยายไปสู่อาคาร โรงงาน เมือง ผู้คน และกระบวนการต่าง ๆ เทคโนโลยีนี้จะสามารถนำสภาพแวดล้อมในโลกแห่งความเป็นจริงมาสู่โลกเสมือนจริงได้ นี่คือ แนวทางและแนวคิดของ Industry 5.0 และมีความสัมพันธ์ที่สอดคล้องกับ Society 5.0 โดยมีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง

ข้อมูลอ้างอิง: https://research-and-innovation.ec.europa.eu/research-area/industrial-research-and-innovation/industry-50_en และ https://www.forrester.com/blogs/industry-5-0-no-thanks/ และ https://www.nexans.com/perspective/industry-1-2-3-4-and-5-0/ และ https://www.thestatesman.com/bengal/industry-5-0-to-lay-greater-emphasis-on-personalised-manufacturing-1503387777.html และ https://knowhow.distrelec.com/manufacturing/is-your-business-ready-for-industry-5-0/

About pawarit

Check Also

ซีเมนส์และโซนี่ ผนึกกำลังสร้างสรรค์โซลูชัน Immersive Engineering สำหรับ Industrial Metaverse

ซีเมนส์ ดิจิทัล อินดัสทรี ซอฟต์แวร์ และ โซนี่ คอร์ปอเรชั่น ประกาศความร่วมมือในการพัฒนาโซลูชัน Immersive Engineering สำหรับ Industrial Metaverse โดยการผสานรวมซอฟต์แวร์ NX …

จีนจัดฮาล์ฟมาราธอนครั้งแรกที่มีหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์เข้าร่วมการแข่งขัน

เขตพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีปักกิ่ง (E-Town) ประกาศจัดการแข่งขันวิ่งฮาล์ฟมาราธอนครั้งแรกสำหรับหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ ตามแถลงการณ์ นักวิ่งมนุษย์กว่า 12,000 คนจะเข้าร่วมกับผู้ผลิตหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ 20 รายในเขตต้าซิงในเดือนเมษายนนี้ การแข่งขันจะมีระยะทางประมาณ 68,902 ฟุต หรือฮาล์ฟมาราธอน