เทเลนอร์ เอเชีย เผยประเทศไทยเชื่อถือใน AI มากที่สุดในภูมิภาค ผลจากการรายงานล่าสุด

  • อุตสาหกรรมและเทรนด์ด้านการใช้งานด้านดิจิทัลและ AI ที่กำลังขับเคลื่อนตลาดและผู้บริโภคในประเทศไทย
  • พฤติกรรมและความรู้สึกของผู้ใช้งานมือถือชาวไทยต่อความปลอดภัยด้านข้อมูลส่วนบุคคลในโลกดิจิทัล
  • ช่องทางและโอกาสที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมต่าง ๆ จากการที่ AI เข้ามาเป็นส่วนขับเคลื่อนอย่างมาก ณ ปัจจุบัน ต่อยอดสู่การใช้งานอันชาญฉลาดและปลอดภัยในโลกดิจิทัลที่ยังยืน

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย, 21 มกราคม 2567 – ผู้ใช้งานชาวไทยเชื่อถือในการใช้งาน AI เมื่อเทียบกับกลุ่มผู้ใช้งานจากตลาดอื่น ๆ ในภูมิภาค อย่างเช่นประเทศสิงคโปร์ และมาเลเซีย นอกจากนี้ ชีวิตของคนไทยนั้นขับเคลื่อนด้วยดิจิทัลอย่างมาก ถือว่าเป็นตลาดอันดับต้น ๆ ที่มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉลี่ยแล้ว คนไทยใช้เวลาออนไลน์เกือบ 5 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่อยู่ที่ 4 ชั่วโมง 35 นาที

รายงาน ‘Digital Lives Decoded 2024″ ของประเทศไทย ฉบับล่าสุดของ เทเลนอร์ เอเชีย (Telenor Asia) เผยถึงข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมและทัศนคติด้านดิจิทัลของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย ซึ่งจัดทำขึ้นโดย GlobalWebIndex (GWI) บริษัทที่ดำเนินงานวิจัยด้านผู้บริโภคระดับโลก โดยรายงานครั้งนี้สะท้อนถึงอิทธิพลของการใช้โทรศัพท์มือถือที่ส่งผลต่อการหล่อหลอมวิถีการใช้ชีวิตที่ชาญฉลาดและปลอดภัยยิ่งขึ้นในประเทศไทย

“ในปีนี้ Telenor ได้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 25 ในประเทศไทย ความก้าวหน้าของการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลนั้นน่าทึ่งมาก จากรายงานประจำปีนี้ได้แสดงถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นของผู้บริโภคอันเด่นชัดของประเทศไทย ซึ่งขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีมือถือและศักยภาพในการสร้างการเปลี่ยนแปลงของ AI” คุณ มานิช่า โดกรา รองประธานอาวุโส ฝ่ายสื่อสารองค์กรและความยั่งยืนของเทเลนอร์เอเชีย กล่าว

“ผลการวิจัยจากรายงาน Digital Lives Decoded 2024 ของเราเน้นย้ำถึงโอกาสมากมายที่ AI นำมาสู่ประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มความปลอดภัยส่วนบุคคลไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าวงการการศึกษาและบันเทิง ในขณะที่เราเดินหน้าไปสู่ภูมิทัศน์ที่น่าตื่นเต้นนี้ สิ่งสำคัญคือต้องให้ความรู้และเครื่องมือแก่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตชาวไทยเพื่อใช้ประโยชน์จาก AI ขณะเดียวกันเสริมเกราะความปลอดภัยด้านดิจิทัลของพวกเขาอีกด้วย”

Kulnapa Chanachompoo, Director, Leadership and Talent at Telenor Asia

1. การใช้งาน AI กำลังผงาดขึ้นในประเทศไทย บนประโยชน์มากมายที่ยังพร้อมให้ค้นหาในสถานที่ทำงาน

AI กำลังก้าวขึ้นมาเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญสำหรับวิถีชีวิตที่ชาญฉลาด ปลอดภัย และเชื่อมต่อกันมากขึ้นในประเทศไทย ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตชาวไทยเกือบครึ่งหนึ่งกล่าวว่า AI เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่พวกเขาตื่นเต้นมากที่สุด ที่น่าสนใจคือ คนรุ่นเก่า (Gen X และ Baby Boomers) แสดงความตื่นเต้นเกี่ยวกับ AI มากกว่าคน Gen Z และ Millennials

การตื่นตัวของคนต่อ AI ในประเทศไทยนั้นชัดเจนอย่างมาก โดยผู้ตอบแบบสอบถามกว่าร้อยละ 77 ใช้เครื่องมือ AI อยู่แล้ว ในแง่ของการใช้งาน AI เพื่อความบันเทิงเป็นอีกหนึ่งด้านที่ผู้คนให้ความสำคัญ โดยมากกว่าครึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามใช้ AI สำหรับโซเชียลมีเดีย และเกือบร้อยละ 40 มีส่วนร่วมกับ AI บนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง แม้ว่าร้อยละ 85 เชื่อว่า AI จะส่งผลดีต่อการศึกษาในประเทศไทย อย่างไรก็ตามยังมีโอกาสมากมายของ AI มีอิทธิพลเชิงบวกอย่างมากในที่ทำงานแต่ยังไม่ได้มีการค้นพบวิธีปรับใช้อย่างที่เป็นรูปธรรมมากนัก

ปัจจุบันประเทศไทยยังตามหลังตลาดอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการใช้เครื่องมือ AI ในสถานที่ทำงาน โดยมีอัตราเพียง 1 ใน 5 เท่านั้นที่ใช้ AI เพื่อการทำงาน เมื่อเทียบกับประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ ซึ่งการทำงานเป็นพื้นที่ที่มีการใช้งานมากที่สุด โดยผู้ที่ใช้ AI เพื่อทำงานนั้นมีแนวโน้มสูงกว่าผู้ที่ไม่เชื่อว่า AI จะส่งผลบวกต่อความมั่นคงในการทำงานถึงร้อยละ 13 นอกจากนี้ พวกเขายังมีแนวโน้มสูงกว่าร้อยละ 43 ที่จะเชื่อถือในข้อมูลที่สร้างโดย AI โดยเฉพาะจากแชทบอตของ AI อีกด้วย

ผู้มีรายได้สูงมีแนวโน้มที่จะเลือกใช้ AI ในที่ทำงานมากกว่าร้อยละ 21 นอกจากนี้ พวกเขามักจะมีมุมมองแง่บวกเกี่ยวกับอิทธิพลเชิงบวกของการใช้ AI ต่อสังคมมากขึ้น เนื่องจากมีการนำ AI มาใช้ในสถานที่ทำงานเพิ่มขึ้น จึงคาดว่าจะส่งผลดีต่อส่วนอื่นๆ ของสังคมด้วย

2. ความขัดแย้งในด้านของความเป็นส่วนตัว: ผู้คนให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายมากกว่าความเป็นส่วนตัว

ในยุคที่อุปกรณ์ต่างๆ มีการนำ AI เข้ามาเป็นตัวขับเคลื่อน โทรศัพท์มือถือช่วยให้ผู้คนในประเทศไทยสามารถเข้าถึงข่าวสารล่าสุดพร้อมรับความบันเทิงได้ด้วยตนเอง นอกจากนี้ยังเป็นช่องทางในการสร้างรายได้ โอกาสทางการศึกษา และเสริมชุมชนที่รู้ทันโลก ปลอดภัย และเชื่อมต่อกันมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ผู้คนสามในสี่คนรู้สึกว่าตนเองไม่สามารถควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของตนทางออนไลน์ได้ ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (โดยอยู่ที่ร้อยละ 68) การหลอกลวงทางการเงินและการขโมยข้อมูลส่วนตัวยังเป็นปัญหาสำคัญอันดับต้นๆ ในประเทศไทย โดยอย่างน้อย 1 ใน 2 ของกลุ่มคนยังกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทั้งนี้ทั้งนั้นประชาชนในประเทศไทยยังคงมั่นใจในการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของตนทางออนไลน์ และมีแนวโน้มน้อยที่สุดที่จะกังวลเกี่ยวกับวิธีที่บริษัทต่างๆ ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของตนเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคนี้

อัตราของประชากรไทยนั้นมีค่อนข้างสูงที่เชื่อใจเว็บไซต์ที่ตนใช้งานในแง่ของการที่เว็บไซต์เหล่านั้นจะสามารถปกป้องความเป็นส่วนตัวของพวกเขาได้ (โดยมีมากถึงกว่าร้อยละ 38 เทียบกับเพียงร้อยละ 21 ในประเทศสิงคโปร์) และมีแนวโน้มที่จะอนุญาตให้บริษัทเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของพวกเขาเพื่อแลกกับข้อเสนอและบริการส่วนบุคคล (6 ใน 10 เทียบกับประเทศมาเลเซีย และ 5 ใน 10 เทียบกับประเทศสิงคโปร์) สิ่งเหล่านี้เน้นย้ำถึงความย้อนแย้งในด้านของความเป็นส่วนตัวทั่วไป อย่างไรก็ตามในขณะที่ผู้คนแสดงความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว แต่พวกเขาไม่ยอมที่จะละทิ้งความสะดวกสบายในชีวิตประจำวันโดยที่ยอมจำนนต่อการเสียความเป็นส่วนตัวบางส่วน

3. คนไทยยังมีทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับ AI และสิ่งที่ AI สามารถเสริมการใช้ชีวิตที่รู้ทันโลกและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

คนไทยตระหนักถึงการที่ AI สามารถช่วยให้เราทุกคนรู้ทันโลกและปลอดภัยมากขึ้น โดย 6 ใน 10 ของคนรู้สึกตื่นเต้นกับความสามารถที่เป็นเลิศของ AI และเชื่อว่าอุปกรณ์มือถือของพวกเขาจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อผนวกการใช้งานกับ AI แต่ทว่าสิ่งที่น่าสนใจก็คือ แม้แต่ผู้ที่กังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของข้อมูลก็มีมุมมองที่คล้ายคลึงกันเกี่ยวกับประสิทธิภาพและรู้สึกตื่นเต้นกับประโยชน์มากมายของ AI โดยผู้ตอบแบบสอบถามกว่าร้อยละ 51 กล่าวว่าพวกเขาคาดหวังว่าอุปกรณ์มือถือที่ขับเคลื่อนโดย AI จะมอบความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นและเพิ่มเกราะป้องกันด้านข้อมูลส่วนตัวที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

ความวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ขับเคลื่อนโดย AI นั้นลดลงในประเทศไทยมากกว่าในประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ และความเชื่อมั่นในข้อมูลที่สร้างโดย AI ก็สูงขึ้นในทุกด้านของประเทศไทย โดย คุณ มานิช่า โดกรา สรุปว่า “เพื่อประโยชน์ของการใช้งานสูงสุดจากเทรนด์ของเทคโนโลยีที่อยู่รอบ ๆ ตัวเราอย่างเต็มที่ สร้างความเชื่อมั่น ให้ความสำคัญกับการศึกษาเรียนรู้ และรับผิดชอบในการใช้งานด้านดิจิทัลถือว่าเป็นหัวใจสำคัญซึ่งจะให้ผู้ใช้ในประเทศไทยสามารถเติบโตและเข้าถึงได้อย่างมั่นใจในยุคของ AI”

เทเลนอร์ เอเชีย เป็นเจ้าของร่วมใน ทรู คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นบริษัทโทรคมนาคมและเทคโนโลยีชั้นนำของประเทศไทย ซึ่งในปี พ.ศ. 2566 การควบรวมกิจการระหว่างทรูและดีแทคในประเทศไทยนำไปสู่การควบรวมกิจการที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมื่อพิจารณาจากมูลค่าขององค์กร

ข้อมูลอ้างอิงเพิ่มเติม:

สำหรับรายงานฉบับเต็มสามารถดาวน์โหลดได้ที่ www.telenorasia.com/digitallivesdecoded

เกี่ยวกับรายงาน

ปีที่สามของการศึกษาเรื่อง “Digital Lives Decoded” เจาะลึกปัจจัยขับเคลื่อนหลัก 5 ประการที่แสดงให้เห็นว่าอุปกรณ์มือถือช่วยให้ผู้คนใช้ชีวิตในโลกดิจิทัลได้ดีขึ้นได้อย่างไร ซึ่งรายงานนี้จัดทำขึ้นตามแบบสำรวจที่ Telenor Asia มอบหมายให้ GlobalWebIndex (GWI) บริษัทที่ดำเนินงานวิจัยด้านผู้บริโภคระดับโลก ดำเนินการในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม พ.ศ. 2567 โดยสัมภาษณ์ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 1,002 คนในประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีข้อมูลจากการวิจัยตลาดอย่างต่อเนื่องของ GWI ในสิงคโปร์และทั่วโลก ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ GWI สำรวจในประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย พม่า อินโดนีเซีย ไทย และเวียดนาม

โดยผู้ตอบแบบสำรวจไม่ได้มีการเปิดเผยชื่อ และไม่ได้เปิดเผยถึงการมีส่วนร่วมของ Telenor ในการศึกษาครั้งนี้

เกี่ยวกับ Telenor Asia

Telenor Asia ช่วยสร้างความก้าวหน้าในภูมิภาคด้วยการเชื่อมต่อและบริการดิจิทัลสำหรับลูกค้ามากกว่า 200 ล้านราย

โดยเป็นเวลากว่า 25 ปีแล้วที่บริษัทโทรคมนาคมของเราได้ผลักดันเข้าถึงอุปกรณ์มือถือในภูมิภาคเอเชีย ทีมงานที่หลากหลายของเราทุ่มเทเพื่อขยายการเข้าถึงนวัตกรรมที่เปลี่ยนแปลงชีวิต และผลักดันวาระดิจิทัลระดับชาติด้วยความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ในการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ ในขณะที่ภูมิภาคเอเชียเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว Telenor Asia ยังคงสร้างการเติบโตใหม่ๆ และตระหนักถึงความทะเยอทะยานอันแน่วแน่ของเราในการสร้างมูลค่า

ด้วยการดำเนินงานในประเทศบังกลาเทศ มาเลเซีย ปากีสถาน และไทย Telenor Asia มีสำนักงานใหญ่ที่ประเทศสิงคโปร์ และเป็นส่วนหนึ่งของ Telenor Group ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ออสโลภายใต้สัญลักษณ์ TEL สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถเยี่ยมชมที่เว็บไซต์ www.telenorasia.com

About pawarit

Check Also

บทบาทของ AI ในกระบวนการทำงานแบบอัตโนมัติ

ผู้ผลิตชั้นนำของโลกกำลังหันมาใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานหลักทั้งหมด แต่หลายบริษัทไม่ทราบว่าจะเริ่มต้นอย่างไร ด้วยการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของคำศัพท์ “ขับเคลื่อนด้วย AI” และโซลูชันเฉพาะทาง ทำให้ยากต่อการแยกแยะว่าเทคโนโลยีใดสามารถปรับปรุงการดำเนินงานประจำวันได้จริง อย่างไรก็ตาม มีการศึกษาบางฉบับที่แสดงให้เห็นถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นของ AI เมื่อเลือกและนำเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาใช้

Yokogawa และ UptimeAI ร่วมมือกันเสริมศักยภาพการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้วย AI

Yokogawa Electric Corporation ผู้นำระดับโลกด้านระบบอัตโนมัติและการควบคุมอุตสาหกรรม และ UptimeAI Inc. ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มความเป็นเลิศด้านการดำเนินงานที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้ประกาศข้อตกลงเชิงกลยุทธ์ที่มุ่งเป้าเพื่อยกระดับการบริหารจัดการสินทรัพย์ในโรงงานอุตสาหกรรมอย่างมีนัยสำคัญ ข้อตกลงนี้เน้นย้ำด้วยการลงทุนใน UptimeAI โดย Yokogawa