StoreDot ผู้บุกเบิกเทคโนโลยีแบตเตอรี่ชาร์จเร็วสูงยิ่ง (Extreme Fast Charging; XFC) กำลังมุ่งสู่การผลิตแบตเตอรี่ซิลิกอนที่จะช่วยให้ผู้ผลิตรถยนต์สามารถออกแบบและผลิตยานยนต์ EV ด้วยต้นทุนที่ต่ำลง มีน้ำหนักเบากว่า และสร้างความยั่งยืนได้มากขึ้น

StoreDot สร้างการเปลี่ยนแปลงวิธีการชาร์จที่ต่างไปจากแบตเตอรี่ Li-ion แบบเดิม โดยคิดค้นนวัตกรรม และสังเคราะห์สารประกอบอินทรีย์และอนินทรีย์ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ StoreDot และปรับปรุงด้วยอัลกอริธึม AI เพื่อให้สามารถชาร์จยานยนต์ EV ได้ภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ใช้ในการเติมเชื้อเพลิงให้กับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปทั่วไป
การได้รับประสบการณ์ที่ดีจากการชาร์จเร็วสูงยิ่ง เป็นสิ่งที่อยู่ในใจของผู้ขับขี่ยานยนต์ EV เทคโนโลยีของ StoreDot ทำให้มีรอบการชาร์จและการคายประจุไฟฟ้าที่เพียงพอสำหรับผู้ผลิตยานยนต์จะสามารถรวมเซลล์แบตเตอรี่ให้เป็นชุดที่มีขนาดเล็กลงได้ ซึ่งแพ็คแบตเตอรี่ที่มีขนาดเล็กกว่านั้นมี XFC ที่จะนำไปสู่การปรับปรุงข้อกำหนดสำหรับ EV ที่ดียิ่งขึ้น รวมทั้งประสิทธิภาพของรถยนต์ดีขึ้น เพิ่มประโยชน์จากการกำเนิดไฟฟ้ากลับคืนในระหว่างเบรก (regenerative braking) ได้มากขึ้น การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดลง และต้นทุนต่ำลง ผลที่ตามมาคือ ได้ยานยนต์ EV ที่มีราคาย่อมเยาและเบากว่า เป็นการส่งเสริมให้คนใช้ยานยนต์ EV ได้ในวงกว้าง และสร้างการยอมรับและเปลี่ยนผ่านไปใช้ยานยนต์ EV กันมากขึ้น
StoreDot อยู่ในระหว่างดำเนินการเพื่อส่งมอบแบตเตอรี่ซิลิกอนแบบชาร์จเร็วสูงยิ่งภายในขอบเขต 100in5 ให้กับบรรดาผู้ผลิต OEM ด้านยานยนต์ไฟฟ้าภายในปีหน้า ซึ่ง 100in5 เป็นสิ่งบ่งบอกความสามารถของแบตเตอรี่ชนิดนี้ หมายถึง การส่งมอบการเดินทางภายในขอบเขตระยะทาง (range) 100 ไมล์ (ประมาณ 160 กม.) ต่อการชาร์จเพียง 5 นาที ส่งผลดีต่อผู้ขับขี่ EV ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับระยะทางระหว่างจุดชาร์จและเวลาในการชาร์จอีกต่อไป ช่วยให้ผู้ผลิตสามารถประเมินข้อกำหนดต่างๆ ของยานยนต์ไฟฟ้าใหม่ให้ดีกว่าเดิม ด้วยเทคโนโลยี XFC ของ StoreDot ผู้ผลิต OEM จะสามารถปรับลดน้ำหนักและลดต้นทุนของยานยนต์ให้เหมาะสมที่สุดได้ แทนวิธีการเดิมที่มุ่งพิจารณาถึงระยะทางระหว่างจุดชาร์จและสร้างแบตเตอรี่ให้มีขนาดใหญ่อย่างที่เคยทำกันมา
การลดข้อกำหนดต่างๆ จากยานยนต์ระดับพรีเมียมโดยเฉลี่ย จำเป็นต้องลดแพ็คแบตเตอรี่จาก 80kWh เป็น 50kWh จึงจะสามารถลดน้ำหนักของ EV ได้ประมาณ 200 กก. (เทียบเท่าน้ำหนักคน 3-4 คน) และที่สำคัญ สามารถลดต้นทุนการสร้างรถได้ 4,500 ดอลลาร์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความผันผวนของต้นทุนโลหะ และการปรับปรุงความหนาแน่นพลังงานของแบตเตอรี่ ขณะที่ยังสามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการปรับเปลี่ยนวิธีการออกแบบดังกล่าวอยู่ในระดับที่มีนัยสำคัญเช่นกัน เพราะสามารถลดปริมาณวัตถุดิบที่ใช้ในรถยนต์แต่ละคันได้ และลดร่องรอยคาร์บอนของ EV ไปตลอดวงจรชีวิต นอกจากนี้ XFC ที่อยู่ในแพ็คขนาดเล็กยังทำให้การกำเนิดกำลังไฟฟ้ากลับคืนขณะเบรกมีประสิทธิภาพด้วย เนื่องจากเทคโนโลยีนี้มีความสามารถในปรับการชาร์จให้สัมพันธ์กับกระแสฟื้นคืนขณะเบรกที่เป็นค่ากระแสสูง (recuperated high currents)
“ย้อนกลับไปไม่นานนัก OEM ได้เพิ่มขนาดแพ็คแบตเตอรี่ใน EV ของพวกเขา เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนของผู้ขับขี่จากยานยนต์ที่ใช้แก๊สไปเป็นใช้ไฟฟ้า ซึ่งนั่นเป็นครั้งแรกที่พวกเขาเริ่มรู้สึกว่ามี ‘ความกังวลเรื่องระยะทาง’ อยู่ในใจของพวกเขา จนมาถึงตอนนี้ ผู้ขับขี่เหล่านั้น และใครก็ตามที่ส่งเสริมการใช้ EV เริ่มเข้าใจแล้วว่า ความกังวลเรื่องระยะทางไม่ใช่ปัญหาเร่งด่วนที่สุดอีกต่อไป และจะไม่เป็นปัญหาเลยด้วยซ้ำเมื่อโครงสร้างพื้นฐานของการชาร์จแบบสาธารณะมีจำนวนที่เหมาะสมอยู่ทั่วโลก”
“อุปสรรคที่เหลืออีกสองประการในการเป็นเจ้าของ EV คือ ความกังวลใจเกี่ยวกับการชาร์จและค่าใช้จ่าย เทคโนโลยี XFC ของ StoreDot ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยแก้ปัญหาทั้งสองอย่างนั้น โดยพื้นฐานก็คือ เวลาในการชาร์จลดลง ซึ่งจะทำให้ผู้ผลิตยานยนต์ต้องทบทวนกันใหม่ว่าจะใช้ประโยชน์จากขนาดแบตเตอรี่และระยะทางใหม่นี้กันอย่างไร และในเมื่อเวลาการชาร์จไม่ใช่ประเด็นหลักที่ต้องมาคิดกันอีก ดังนั้นสิ่งที่สมเหตุผลและสำคัญกว่า ก็คือ ทำอย่างไรให้เหมาะสมกับแพ็คแบตเตอรี่ที่มีขนาดเล็กลง โดยที่การประหยัดต้นทุน ควรจะนำไปสู่ราคาของยานยนต์ EV ที่ผู้คนสามารถจับต้องได้ และสร้างแบตเตอรี่ให้มีความยั่งยืน พร้อมด้วยประสิทธิภาพของรถยนต์ที่ดีขึ้น การใช้วัตถุดิบน้อยลง และการรีไซเคิลน้อยลงเมื่อถึงจุดสิ้นสุดตามอายุการใช้งานของยานยนต์” กล่าวโดย Dr Doron Myersdorf, StoreDot CEO
ปัจจุบันนี้ เซลล์แบตเตอรี่ XFC ของ StoreDot กำลังอยู่ในช่วงการทดสอบโดยผู้ผลิตยานยนต์กว่า 15 รายทั่วโลก โดยที่ StoreDot ยังคงพัฒนาความร่วมมือกับคู่ค้าเพื่อขยายการผลิตสู่ระดับโลกต่อไป
ที่มา: StoreDot