ทาง FactoryTalkThai ได้รับโอกาสสัมภาษณ์ มร.เฟดจา เซฮิช ผู้อำนวยการ NETVIBES – Asia Dassault Systèmes ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบสารสนเทศอัจฉริยะ เทคโนโลยี AI/ML และ Data Science ภายในงาน Future Mobility Asia 2024 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-17 พ.ค. 2024 ที่ผ่านมา พร้อมรับชมการสาธิตเทคโนโลยี Virtual Twin และแพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคต ที่บูท Dassault Systèmes
3DEXPERIENCE เป็นแพลตฟอร์มธุรกิจและนวัตกรรมที่ช่วยให้องค์กรต่าง ๆ ได้รับวิสัยทัศน์องค์รวมแบบเรียลไทม์เกี่ยวกับกิจกรรมทางธุรกิจและระบบนิเวศของตน โดยเชื่อมโยงผู้คน แนวคิด ข้อมูล และโซลูชันในสภาพแวดล้อมการทำงานร่วมกันที่เป็นหนึ่งเดียว ซึ่งช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับธุรกิจต่างๆ ตั้งแต่สตาร์ทอัพไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ เพื่อสร้างนวัตกรรม ผลิต และการค้าในรูปแบบใหม่ทั้งหมด
Dassault Systèmes SolidWorks Corporation ภูมิใจนำเสนอ 3DEXPERIENCE แพลตฟอร์มสำหรับการออกแบบ 3 มิติ พื้นที่จัดเก็บเอกสาร การทำงานร่วมกันในโครงการ และการสื่อสารแบบครบวงจรบนคลาวด์ทุกที่ทุกเวลา
เป้าหมายของ 3DEXPERIENCE คือการเชื่อมโยงวิศวกรรม/การออกแบบ การตลาด การขาย และการบริการในกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานร่วมกันที่สามารถจัดการได้ แบบดิจิทัล และแบบเรียลไทม์ แพลตฟอร์มนี้ใช้อินเทอร์เฟซที่เรียบง่ายและใช้งานง่ายซึ่งเป็นที่ตั้งของแอปพลิเคชันต่าง ๆ รวมถึง SOLIDWORKS สำหรับการออกแบบ 3D การวิเคราะห์ และการจำลอง
แพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE มีข้อได้เปรียบที่ยอดเยี่ยมในฐานะโซลูชันสำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์
เพื่อให้สามารถทำงานในโครงการต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย คือการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ไม่ซับซ้อน ลืมเรื่อง VPN ในความต้องการเซิร์ฟเวอร์และฮาร์ดแวร์ระดับสูงหรือการติดตั้งซอฟต์แวร์จำนวนมากไปได้เลย องค์กรต่าง ๆ สามารถปลดล็อกอุปสรรคในการแก้ปัญหางานการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนและทำงานกับใครก็ตาม ด้วยการรวบรวมงานทั้งหมดของคุณมาไว้อยู่บนแพลตฟอร์มเดียว คุณไม่จำเป็นต้องสร้างโมเดล SOLIDWORKS เพื่อแชร์ใน Dropbox และพูดคุยเกี่ยวกับโมเดลเหล่านั้นบน Skype คุณสามารถทำทุกอย่างได้ในอินเทอร์เฟซเดียวกันบนแพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE
นอกจากนี้ แพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE เข้ามามีบทบาทสำคัญด้าน “Green & Sustainability Pathway to Mobility Transformation” เพื่อช่วยผลักดันให้ทุกอุตสาหกรรมสาหกรรมสามารถขับเคลื่อนธุรกิจไปพร้อมกับการบรรลุเป้าหมายความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมสอดรับนโยบายการเดินหน้าประเทศไทยไปสู่ Net Zero ในปี 2065
บทสัมภาษณ์
บทสัมภาษณ์พิเศษ มร.เฟดจา เซฮิช ผู้อำนวยการ NETVIBES – Asia Dassault Systèmes ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบสารสนเทศอัจฉริยะ เทคโนโลยี AI/ML และ Data Science ซึ่งทาง FactoryTalkThai ได้รับเชิญให้เข้ารับชมสาธิตเทคโนโลยี Virtual Twin และแพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคต ที่บูท Dassault Systèmes ภายในงาน Future Mobility Asia 2024 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อวันที่ 15 พ.ค. ที่ผ่านมา
มร.เฟดจา เซฮิช ได้อธิบายเกี่ยวกับจุดเด่น (Key Features) ของแพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE ของ Dassault Systemes ว่า
“โลกของการออกแบบสำหรับ Dassault Systemes เราเป็น 3D Design ที่สร้างประสบการณ์การทำงานแบบองค์รวมให้กับลูกค้า ทุกคนในสภาพแวดล้อมเดียวกันสามารถแชร์ข้อมูลโครงการเดียวกันได้บนแพลตฟอร์มเดียวแบบเรียลไทม์ ซึ่งเป็นจุดเด่นของแพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE ที่ให้สิทธิ์ในการเข้าถึงระบบงานพร้อม ๆ กันในช่วงเวลาเดียวกันได้ สร้างรูปแบบการทำงานร่วมกันที่รื่นไหลอย่างไร้รอยต่อ นอกจากนี้ ยังช่วยในแง่ความยั่งยืน (sustainability) และช่วยประหยัดเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย”
พร้อมชี้ให้เห็นถึงแนวคิดการพัฒนาแพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE ของ Dassault Systemes และแผนการพัฒนาในอนาคตอันใกล้นี้
“สำหรับทิศทางการดำเนินงานของบริษัท Dassault Systemes เรามีแนวคิดต้องการเป็นบริษัทสำหรับอนาคต เพื่อให้ลูกค้าได้รับประโยชน์จากทั้ง 2 เรื่อง คือ Virtual Twin และ Cloud” มร.เฟดจา เซฮิช กล่าวว่า “สำหรับทิศทางการดำเนินงานของบริษัท Dassault Systemes เรามีแนวคิดต้องการเป็นบริษัทสำหรับอนาคต เพื่อให้ลูกค้าได้รับประโยชน์จากทั้ง 2 เรื่อง คือ Virtual Twin และ Cloud”
- แนวความคิดของ Virtual Twin ก็คือ ปัจจุบันเราสามารถทำงานอยู่โลกเสมือนจริงได้ เราสามารถทำให้การทำงานมีการขับเคลื่อนร่วมกันได้อย่างไหลรื่นได้ เพื่อร่วมกันสร้างปรากฏการณ์ผลลัพธ์ความเป็นจริงได้อย่างรวดเร็วและประหยัดเวลา
- ยกระดับสู่การทำงานบน Cloud สิ่งที่ Dassault Systemes มุ่งเน้น คือ ทำให้ระบบ Infrastructure ที่ทำงานอยู่บน Cloud มีความเสถียรมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงการใช้งาน Virtual Twin ง่ายดายขึ้น
Virtual Twin เป็น Subset ของ Metaverse ในแง่ของโลกนวัตกรรมและโลกของการทำงานจริง นั่นก็คือ VR / AR เทคโนโลยีที่ถูกนำมาผสานการทำงานร่วมกับข้อมูล (Data) ที่เกิดขึ้นจริงในกระบวนการออกแบบ สิ่งเหล่านี้ เข้ามาช่วยให้กระบวนการผลิตที่มาจากการออกแบบสามารถประหยัดได้ทั้งระยะเวลาและแรงงาน รวมไปถึงประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพกรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
แพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE เหมาะสำหรับอุตสาหกรรมใด สำหรับในประเทศไทย ?
“อันที่จริง แพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE ออกแบบมาเพื่อรองรับกระบวนการออกแบบสำหรับทุกอุตสาหกรรม เมื่อองค์กรมีแนวคิดริเริ่มโครงการใดก็ตาม สามารถทำการทดลองเพื่อทราบสร้างผลลัพธ์ของเป้าหมายที่ใกล้เคียงความจริงมากที่สุด โดย Virtual Twin สามารถช่วยออกแบบ การเก็บข้อมูล และสร้างการประมวลผลออกมาเป็นภาพเสมือนจากการคาดการณ์อนาคตที่สมจริงได้”
เราได้เห็นการออกแบบเครื่องบิน รถยนต์ และสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ มากมาย แต่ในยุคปัจจุบัน นวัตกรรมที่ล้ำสมัย ทำให้เราได้เห็นบทบาทของ Virtual Twin ในอุตสาหกรรมทางการแพทย์โดยเฉพาะ Virtual Hart กระบวนการดูแลรักษาโรคหัวใจแบบ 3 มิติ โดยการนำข้อมูลการทำงานของหัวใจมาผสานเข้ากับนวัตกรรมการออกแบบด้วยเทคโนโลยี 3D ซึ่งจะช่วยเพิ่มมุมมองการมองเห็นที่กว้างขึ้น ทำงานเชิงวิเคราะห์มากขึ้น และสร้างภาพจำลองเสมือนของวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพได้รวดเร็วขึ้น
ถ้าพูดถึงประเทศไทย อุตสาหกรรมหลัก คือ ภาคการผลิต (Manufacturing) ปัจจุบันไทยคือศูนย์กลางของอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์พลังงานไฟฟ้าหรือ EV ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีแบรนด์ผู้ผลิต EV ของจีน เข้ามาลงทุนเร่งการผลิตในไทยมากที่สุดในอาเซียน แน่นอนว่าภายในกระบวนการผลิตเหล่านี้ ได้มีขั้นตอนการออกแบบซึ่งเป็นหัวใจหลักในการสร้างโมเดลต่าง ๆ ออกสู่ตลาด
อุตสาหกรรมต่อไปที่ประเทศไทยมีบทบาทที่สำคัญระดับโลก คือ ภาคการดูแลด้านสุขภาพ (Healthcare) โลกของการดูแลรักษาสุขภาพจะได้ใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมในการผสมผสานการทำงานร่วมกับแนวทางการแพทย์ได้อย่างสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ด้วยการสร้างภาพจำลองการรักษาในรูปแบบ 3 มิติ เพื่อให้แพทย์วิธีการทางการแพทย์ที่แม่นยำ ผู้ป่วยก็จะได้ประโยชน์ทางการรักษาที่มีคุณภาพอย่างทันถ่วงที
บทบาทสำคัญของแพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE บนโซลูชัน Virtual Twin
“แพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE เป็นองค์ประกอบหนึ่งของ Virtual Twin สำหรับสร้างภาพจำลองเสมือนจริงแบบ 3 มิติ”
- เรื่องแรก คือ สามารถออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุด ในรูปแบบโลกจำลองเสมือนจริง 3 มิติ ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าใกล้ความเป็นจริงที่ต้องการได้
- เรื่องที่สอง คือ เทคโนโลยี 3D ทำให้สามารถผสมผสานข้อมูลที่มีอยู่เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการออกแบบ สิ่งเหล่านี้นำไปสู่การวางแผนเชิงข้อมูล ซึ่งผู้ประกอบการสามารถรับรู้ได้ว่าจะต้องทำได้อย่างไรในกระบวนการผลิต
- เรื่องที่สาม คือ อนาคตข้างหน้าเราอยากได้อะไร 3DEXPERIENCE สามารถสร้างรูปแบบการนำเสนอสิ่งที่เราคิด สิ่งที่ต้องการออกแบบในโลก 3 มิติ ด้วยผลลัพธ์ผ่านภาพเสมือนจริงที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด “ให้ภาพอธิบายแทน”
3DEXPERIENCE Succeed Case
“อธิบายให้ทุกคนเข้าใจได้อย่างง่ายดาย สังเกตการทำงานของ Google Maps เมื่อคุณเริ่มต้นปักหมุดจุดหมายปลายทาง ระบบจะประมวลผลเส้นทางการเดินทางระหว่างทางเชิงคาดการณ์ที่มาจากข้อมูลแบบเรียลไทม์ เช่น สภาพการจราจร สถานที่ข้างทาง ตั้งใช้ระยะทางเท่าไหร่ เวลาโดยประมาณ เปิดปิดทำการตอนไหน และแสดงเส้นทางสำรองเพื่อเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจเพิ่มเติม เป็นต้น นี่คือ ตัวอย่างที่ทำให้เข้าใจถึงคำว่า Virtual Twin ได้ดีที่สุด” มร.เฟดจา เซฮิช กล่าว
ระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยประสบการณ์ หรือ Experience-Driven Economy ณ ปัจจุบัน ทำให้ความคาดหวังของผู้บริโภคต่อประสบการณ์ด้านการเดินทางพัฒนารุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว ด้านผู้ผลิตเองก็กำลังพลิกโฉมห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) แบบดั้งเดิมเพื่อตอบสนองความต้องการนี้ การสร้างระบบนิเวศซัพพลายเชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทย ที่วันนี้นวัตกรรมกำลังทรานส์ฟอร์มไปสู่พลังงานไฟฟ้า ก่อให้เกิดโอกาสและความท้าทายหลากหลาย โดยมุ่งเน้นความยั่งยืนสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญเพื่อเดินหน้าประเทศไทยไปสู่ Net Zero ในปี 2065
3DEXPERIENCE ของ Dassault Systemes แพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงศักยภาพของระบบนิเวศเข้าด้วยกัน หรือ Interconnected Ecosystems ของทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรม ส่งผลให้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และแมชชีนเลิร์นนิ่งทวีบทบาทสำคัญต่ออุตสาหกรรมยานยนต์มากยิ่งขึ้น
หากสนใจ หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE ของ Dassault Systemes สามารถเยี่ยมชมได้ที่ https://www.3ds.com/3dexperience