หลายคนอาจจะเคยสังเกตเห็นว่า ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา สินค้าต่างๆ ในประเทศไทยนั้นมีการเปลี่ยนแปลงด้านบรรจุภัณฑ์หรือ Packaging กันเป็นอย่างมาก เริ่มต้นจากความหลากหลายที่เพิ่มมากขึ้น ไปจนถึงวัสดุที่ใช้ในการผลิตที่ต้องให้ความสำคัญในแง่ของความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น ทำให้สินค้าอุปโภคบริโภคประจำวันที่เราใช้งานกันมีรูปแบบของบรรจุภัณฑ์ที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เหรียญไทย อินเตอร์พลาส คือบริษัทหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ในอุตสาหกรรมผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ คุณอยุทธ์ ไชยประยูร Supply Chain Director ของบริษัท เหรียญไทย อินเตอร์พลาส จำกัด ได้กล่าวถึงเบื้องหลังของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ และแนวคิดในการวางกลยุทธ์ด้านระบบ ERP เพื่อให้สอดคล้องกับโจทย์ของธุรกิจในปัจจุบันและอนาคต
รู้จักกับเหรียญไทย อินเตอร์พลาส ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์สำหรับเครื่องสำอาง, อาหาร และยาชั้นนำของประเทศไทย
คุณอยุทธ์ได้กล่าวถึงประวัติของบริษัทเหรียญไทย อินเตอร์พลาส จำกัด ที่ก่อตั้งและเริ่มดำเนินธุรกิจมาตั้งแต่ปี 1961 นับเป็นเวลากว่า 62 ปีแล้วที่ได้ดำเนินกิจการมาในฐานะของผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ให้กับสินค้าต่างๆ ในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มของ Global Brand อย่างเช่น P&G, Colgate, และ Watson ที่น่าจะเป็นสินค้าที่ผู้อ่านทุกท่านต้องเคยเห็นผ่านตาหรือใช้งานในชีวิตประจำวันกันบ้าง
การผลิตบรรจุภัณฑ์ของเหรียญไทย อินเตอร์พลาสนั้นไม่ได้จำกัดเฉพาะกับการใช้งานในประเทศไทยเท่านั้น แบรนด์ชั้นนำระดับโลกยังสั่งผลิตเพื่อนำไปใช้กับบรรจุภัณฑ์ในประเทศอื่นๆ ทั่วโลกอีกด้วย ดังนั้นบทบาทสำคัญของเหรียญไทย อินเตอร์พลาส จึงกลายเป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกันไปทั้งในประเทศและในแต่ละประเทศทั่วโลกไปโดยปริยาย
บรรจุภัณฑ์ของเหรียญไทย อินเตอร์พลาสนั้นผลิตจากพลาสติกเป็นหลัก เช่น PET, PETG, HDPE, และ PP รวมถึงยังมีบริการครบวงจรในส่วนอื่นๆ ทั้งการออกแบบ, การสั่งทำ Label และการติด Label ทำให้ฐานลูกค้าของเหรียญไทย อินเตอร์พลาสนั้นเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการเป็นผู้ให้บริการที่ครบวงจร
ผู้ที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหรียญไทย อินเตอร์พลาส สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.rianthai.co.th/
ตลาดบรรจุภัณฑ์กำลังเปลี่ยนไป และเหรียญไทย อินเตอร์พลาส ก็ต้องปรับตัวสู่การทำธุรกิจรูปแบบใหม่
คุณอยุทธ์ได้เผยถึงเทรนด์ของตลาดโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์ที่กำลังเปลี่ยนไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งเกิดจาก 3 ปัจจัยหลักๆ ด้วยกัน
ปัจจัยแรกนั้นคือ การแข่งขันที่สูงขึ้นของสินค้าประเภท FMCG ที่มีแบรนด์ต่างๆ เกิดขึ้นมากมายมาวางแข่งขันกันบน Shelf ในห้างต่างๆ ทำให้แต่ละแบรนด์นั้นต้องการความโดดเด่นของสินค้าที่มากยิ่งขึ้น และต้องแสดงอัตลักษณ์ของผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นได้มากขึ้น ทำให้โจทย์ในการออกแบบบรรจุภัณฑ์นั้นต้องมีความหลากหลายกว่าเดิม จากในอดีตที่เป็นการผลิตบรรจุภัณฑ์แบบเดียวกันจำนวนมาก มีเวลาวางแผนการผลิตได้นาน สู่การที่ต้องออกแบบและผลิตบรรจุภัณฑ์ที่แตกต่างกันไปสำหรับแต่ละสินค้า แม้จะเป็นสินค้าภายใต้แบรนด์เดียวกันก็ตาม และมีเวลาในการผลิตที่สั้นลง ทำให้ธุรกิจมีกระบวนการทำงานมากขึ้นและซับซ้อนขึ้น
ปัจจัยที่สองนั้นคือ การมาของโรคระบาดอย่างโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่ออัตราการบริโภคสินค้าต่างๆ โดยตรง ทำให้เหรียญไทย อินเตอร์พลาส ต้องมองหาการผลิตบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าประเภทใหม่ๆ อย่างเช่น แอลกอฮอล์ล้างมือ, เจลแอลกอฮอล์ และอื่นๆ เพิ่มเติม ซึ่งปัจจุบันถึงแม้สถานการณ์จะเริ่มกลับมาเป็นปกติแล้ว แต่เหตุการณ์ดังกล่าวก็เป็นบทเรียนครั้งสำคัญของธุรกิจที่ทำให้เหรียญไทย อินเตอร์พลาสเติบโตมากยิ่งขึ้น
ปัจจัยสุดท้ายนั้นคือ การมาของแนวโน้มด้านความยั่งยืนหรือ Sustainability ซึ่งถึงแม้เทรนด์นี้จะเพิ่งเริ่มมาสู่ประเทศไทยจนเป็นที่แพร่หลายแค่เมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมา แต่สำหรับเหรียญไทย อินเตอร์พลาสนั้นได้มีการศึกษาแนวโน้มนี้มาตั้งแต่ปี 2018 แล้ว ทำให้สามารถนำเสนอบรรจุภัณฑ์ใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับเป้าหมายด้านความยั่งยืนของลูกค้าได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นการใช้เม็ดพลาสติก Recycle ทั่วไป หรือเม็ดพลาสติก Recycle จากขยะครัวเรือน ซึ่งตลาดในส่วนนี้ก็มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ทั้งหมดนี้ ทำให้เหรียญไทย อินเตอร์พลาส ต้องปรับตัวมาโดยตลอด จากเดิมที่เคยเป็นโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์ตามที่แต่ละแบรนด์สั่ง ต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์จนทำให้ก้าวมาสู่การเป็นผู้นำของวงการด้วยการศึกษาและวิจัยวัตถุดิบใหม่ๆ ที่จะตอบโจทย์แนวโน้มของตลาดในอนาคต ไปจนถึงการออกแบบบรรจุภัณฑ์รูปแบบใหม่ๆ เพื่อไปนำเสนอแก่เหล่าแบรนด์ระดับโลกให้เปลี่ยนมาใช้บรรจุภัณฑ์ที่ดียิ่งขึ้นไป สร้างคุณค่าใหม่ให้กับธุรกิจของเหรียญไทย อินเตอร์พลาส และสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งรายอื่นๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกัน
เปลี่ยนระบบบริหารจัดการธุรกิจ ให้สอดคล้องกับธุรกิจที่เติบโตและซับซ้อนยิ่งขึ้น
คุณอยุทธ์กล่าวต่อถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นครั้งใหญ่ในการบริหารจัดการธุรกิจภายในในเรื่องของการเปลี่ยนระบบ ERP อันที่จริงแล้วเหรียญไทย อินเตอร์พลาสนั้นมีการใช้งานระบบ ERP มาแล้วเป็นเวลา 20 ปี โดยมีการเปลี่ยนแปลงระบบมาแล้วถึง 2 ระบบ แต่ยังคงประสบกับปัญหาหลายประการ เช่น
ระบบ ERP เดิมถูกเลือกมาให้เหมาะสมกับรูปแบบการดำเนินธุรกิจในอดีต แต่ไม่สามารถตอบโจทย์การทำธุรกิจที่มีความซับซ้อนสูงขึ้นอย่างในปัจจุบันได้
ระบบ ERP เดิมมีความสามารถไม่ครบถ้วน ทำให้ต้องมีการนำ Business Application อื่นๆ มาเสริมและผสานระบบเข้าด้วยกัน ทำให้การเปลี่ยนแปลงแก้ไขทำได้ยาก ดูแลรักษายาก
ระบบ ERP เดิมมีการติดตั้งใช้งานบน Server ภายในองค์กร ทำให้ต้องมีฝ่าย IT ที่ทำหน้าที่ดูแลรักษาระบบเหล่านี้ด้วยตนเอง และยังมีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา Hardware, การต่อ License ของ Software และการวางแผนเปลี่ยน Hardware อยู่เสมอ อีกทั้งยังมีประเด็นเรื่องของการทำ Backup และ Cybersecurity อีกด้วย
ทั้งหมดนี้ทำให้เหรียญไทย อินเตอร์พลาสสามารถกำหนดโจทย์สำหรับระบบ ERP ใหม่ที่ต้องการได้อย่างชัดเจน ว่าต้องการระบบที่มีความยืดหยุ่นรองรับการทำธุรกิจที่ซับซ้อนได้มากขึ้น, มีความสามารถที่หลากหลายในระบบเดียว และใช้งานได้บน Cloud เพื่อลดความซับซ้อนด้านการดูแลรักษาระบบ
ย้ายระบบ ERP สู่ Grow with SAP ตอบครบทุกโจทย์ความต้องการได้ในโซลูชันเดียว
การตัดสินใจเปลี่ยนระบบ ERP ครั้งล่าสุด คุณอยุทธ์กล่าวว่าทีมผู้บริหารได้ใช้เวลาในการเลือกระบบกันพอสมควร และมีการติดต่อผู้พัฒนาระบบ ERP หลายรายให้เข้ามานำเสนอระบบ แต่ท้ายที่สุดแล้ว เหรียญไทย อินเตอร์พลาส ก็ตัดสินใจเลือกใช้ SAP S/4HANA Cloud , public edition (Grow with SAP) ด้วยสาเหตุดังต่อไปนี้
- ระบบรองรับกระบวนการทำงานที่ซับซ้อนและมีความยืดหยุ่น ตอบโจทย์ของเหรียญไทย อินเตอร์พลาสที่ต้องการระบบ ERP ใหม่เพื่อรองรับธุรกิจที่เปลี่ยนไป
- ระบบมีความสามารถที่ครบถ้วน รองรับการทำงานในทุกๆ แผนกได้ภายในระบบเดียว เป็นการ Consolidate ระบบเดิมที่หลากหลายให้เหลือเพียงระบบเดียวได้จริง
- ระบบบน Cloud ทำให้ไม่ต้องมีทีมงานมาคอยดูแลรักษา Hardware, Software, Cybersecurity และ Backup ของระบบด้วยตนเอง มุ่งเน้นที่เรื่องของฟังก์ชั่นการใช้งานระบบได้อย่างเต็มที่ ฝ่าย IT สามารถเปลี่ยนมาทำงานในเชิงรุกได้มากขึ้น และดูแลกลยุทธ์ด้านเครื่องจักรหรือ IoT เพิ่มเติมได้มากขึ้น
- SAP มี Template ของ Process และการจัดการข้อมูลที่เป็น Best Practice จากธุรกิจในอุตสาหกรรมเดียวกันทั่วโลกมาให้พร้อมใช้งาน ทำให้เหรียญไทย อินเตอร์พลาสสามารถนำมาประยุกต์ใช้งานเพื่อยกระดับการทำงานให้เป็นมาตรฐานสากลได้ทันที
- การประเมินค่าใช้จ่ายของระบบ ERP เป็นไปได้อย่างง่ายดาย ด้วยค่าใช้จ่ายรายปีที่ครอบคลุมการใช้งานทุกอย่าง และไม่ต้องพะวงกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
นอกจากนี้ ในมุมของผู้บริหารเองนั้น การเข้าถึงข้อมูลของธุรกิจได้จากทุกที่ทุกเวลาผ่านทุกอุปกรณ์ ด้วยข้อมูลที่มีความถูกต้องแม่นยำเชื่อถือได้เสมอนั้นเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการตัดสินใจทางธุรกิจที่จะมีความรวดเร็วและแม่นยำมากยิ่งขึ้น
ในขณะเดียวกัน ความสามารถหนึ่งของ SAP S/4HANA Cloud, public edition สามารถช่วยธุรกิจของเหรียญไทย อินเตอร์พลาสได้ดีมากๆ คือการวางแผนการผลิต ที่ระบบ ERP เดิมนั้นยังคงต้องมีทีมงานของบริษัทมาคอยประเมินวัตถุดิบและกำหนดการผลิตด้วยตนเอง แต่ SAP S/4HANA Cloud, public edition นั้นสามารถนำข้อมูลและความต้องการของการผลิตมาทำการคำนวณและให้คำแนะนำได้อย่างครบถ้วน ช่วยลดเวลาที่ใช้ในการวางแผนลง และเพิ่มความแม่นยำในการทำงานมากขึ้นครบทุกขั้นตอน ตั้งแต่การจองวัตถุดิบ, การเปิด PR ให้ผู้บริหารอนุมัติ ไปจนถึงการวางแผนผลิตและการดำเนินการผลิตสินค้า
เลือกใช้ NDBS Thailand เป็น SAP Implementer ติดตั้งใช้งานได้ไว ใช้งานจริงไม่มีปัญหาใดๆ
ในโครงการ Grow with SAP ครั้งนี้ เหรียญไทย อินเตอร์พลาส ได้เลือกให้ NTT DATA Business Solutions Thailand (NDBS) เข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์ในการทำงานด้วยกัน ซึ่ง NDBS เองได้ให้การสนับสนุนทั้งในเชิงของการให้คำปรึกษาด้านธุรกิจและเทคโนโลยีได้เป็นอย่างดี ทำให้การ Implement ระบบในครั้งนี้ใช้เวลาเพียง 6 เดือนเท่านั้น รวมตั้งแต่การปรับกระบวนการทั้งหมดจนถึงการย้ายระบบทั้งหมดขึ้นสู่ SAP S/4HANA Cloud, public edition ให้พร้อม Go Live ได้เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
สิ่งที่ทำให้ทีมงานเหรียญไทย อินเตอร์พลาสประทับใจมาก คือ ตั้งแต่ Go Live มา การใช้งาน SAP ไม่มีประเด็นปัญหาใหญ่ๆ เลย อาจจะมีเพียงแค่จุดเล็กๆ น้อยๆ ที่พบหน้างานจริงซึ่งสามารถแก้ ไขได้อย่างรวดเร็วเท่านั้น ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ NDBS ได้เข้าไปร่วมทำความเข้าใจโจทย์ทางธุรกิจของเหรียญไทย อินเตอร์พลาสอย่างเข้มข้นตั้งแต่ในช่วงที่ Implement ระบบ จนได้ข้อสรุปถึงความต้องการทางธุรกิจที่ถูกต้องแม่นยำ และทำให้ระบบที่ติดตั้งใช้งานนั้นครอบคลุมต่อทุกความต้องการหลักๆ ของธุรกิจได้อย่างครบถ้วน
ด้วยเหตุนี้ ในเวลา 2-3 เดือนที่ผ่านมา เหรียญไทย อินเตอร์พลาสจึงสามารถใช้งาน SAP S/4HANA Cloud, public edition ได้ครบทุกฟังก์ชันที่ต้องการใช้งานแบบ 100% แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีระบบอื่นๆ มาเสริมเพิ่มเติมความสามารถใดๆ ช่วยลดความซับซ้อนของธุรกิจลงได้เป็นอย่างมาก และมีข้อมูลทางธุรกิจที่อัปเดตแบบ Real-Time พร้อมใช้ในการตัดสินใจอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจในระดับ Operation หน้างาน หรือระดับ Management ก็ตาม
การทำงานอย่างเป็นมืออาชีพของ NDBS นี้ช่วยให้โครงการระบบ ERP ครั้งสำคัญของเหรียญไทย อินเตอร์พลาสสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี และการเลือกใช้ Grow with SAP (SAP S/4HANA Cloud, public edition) ก็ทำให้ NDBS สามารถร่วมมือกับเหรียญไทย อินเตอร์พลาสในการเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานให้กลายเป็นมาตรฐานระดับโลกได้ในเวลาเดียวกัน
แนะผู้บริหารธุรกิจ ทำงานใกล้ชิดกับฝ่าย IT เพื่อให้ระบบ ERP ตอบโจทย์การใช้งานได้มากที่สุด
คุณอยุทธ์ได้ทิ้งท้ายถึง 2 บทเรียนสำคัญในการขึ้นระบบ ERP ครั้งนี้ต่อเหล่าผู้บริหารธุรกิจในอุตสาหกรรมเดียวกันหรืออุตสาหกรรมใกล้เคียงเอาไว้หลายประเด็น ได้แก่
การบริหารธุรกิจในอดีตนั้นอาจเป็นเรื่องของการประเมินข้อมูลตัวเลขและตัดสินใจเท่านั้น แต่สำหรับการบริหารธุรกิจในปัจจุบัน การทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับฝ่าย IT จะทำให้ธุรกิจมีเทคโนโลยีที่เหมาะสมต่อการทำงาน และจะทำให้ผู้บริหารเข้าใจว่าข้อมูลแต่ละชุดมีที่มาที่ไปอย่างไร ทำให้สามารถค้นหาข้อมูลที่ต้องการในการตัดสินใจทางธุรกิจได้อย่างเหมาะสมแม่นยำรวดเร็วยิ่งขึ้น พึ่งพาคนอื่นน้อยลง สร้างความคุ้มค่าให้กับการลงทุนด้านเทคโนโลยีได้ดีที่สุด
การวางกลยุทธ์ด้าน IT นั้นต้องสอดคล้องกับการมองธุรกิจของตนเองในอนาคตให้ออก ว่าจะมีแนวโน้มอะไรใหม่ๆ ทางธุรกิจเข้ามา และความต้องการในอุตสาหกรรมจะเปลี่ยนไปในทิศทางใดในอีก 5-10 ปีข้างหน้า เพื่อที่การมองหาโซลูชันทางด้านเทคโนโลยีมาตอบโจทย์เหล่านี้จะได้สอดคล้องกับอนาคต และสร้างความคล่องตัวให้กับธุรกิจในอนาคตได้ด้วย
เกี่ยวกับ NTT DATA Business Solutions (Thailand) Ltd.
บริษัท เอ็นทีที เดต้า บิสซิเนส โซลูชั่นส์ (ประเทศไทย) ภายใต้กลุ่ม บริษัท NTT DATA ผู้ให้บริการระบบ SAP และ Data Center ระดับโลก และเป็นผู้นำทางด้าน Digital Transformation และเป็นสมาชิก SAP Global Partner ที่พร้อมคำปรึกษา และบริการด้านการออกแบบ พัฒนา ติดตั้งโซลูชัน SAP Solution
และ IT Solution อื่น ๆ ให้กับลูกค้าในประเทศไทย เพื่อพัฒนาระบบบริหารการจัดการในองค์กรในทุกกลุ่มประเภทธุรกิจ สำหรับธุรกิจที่ต้องการปรึกษาด้านโซลูชั่น SAP เพื่อพัฒนาระบบบริหารการจัดการในองค์กรให้ดีขึ้น
บริษัท เอ็นทีที เดต้า บิสซิเนส โซลูชั่นส์ (ประเทศไทย) พร้อมให้คำปรึกษาในทุกกลุ่มประเภทธุรกิจ ติดต่อได้ที่ โทร 02 237 05553 หรือติดตาม ได้ที่ email: marketing–solutions–[email protected] หรือ www.nttdata–solutions.com