เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 ศาลแขวงเยอรมันแห่งดุสเซลดอร์ฟ ได้ตัดสินให้บริษัท Seoul Semiconductor เป็นฝ่ายชนะคดีละเมิดสิทธิบัตร และสั่งให้เรียกคืนและทำลายผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดย Philips Lighting และรวมทั้งที่มีจำหน่ายมาตั้งแต่เดือนมีนาคม พ.ศ. 2560 นอกจากนี้ ศาลยังตัดสินให้ปรับเงินสูงสุด 250,000 ยูโร (ประมาณ 8.87 ล้านบาท) จากการละเมิดคำสั่งนี้แต่ละครั้ง และเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2567 ศาลสิทธิบัตรแห่งสหพันธ์เยอรมันได้ยืนยันความถูกต้องของสิทธิบัตรเหล่านี้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของสิทธิบัตรที่สัมพันธ์กันหลายฉบับ
คำสั่งศาลเหล่านี้เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีหลักที่ใช้เพื่อให้ได้ค่าดัชนีการแสดงสี CRI 70 (Color Rendering Index 70%) หรือค่าที่สูงกว่า ซึ่งมีการใช้ทั้งไฟส่องสว่างภายในบ้าน ไฟส่องสว่างของรถยนต์ ไฟแฟลชด้านไอที และไฟแบ็คไลต์ทั้งหมด จากผลจากการตัดสินดังกล่าว ยังสามารถนำไปใช้ฟ้องร้องได้กับผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่มีการละเมิดสิทธิบัตรเทคโนโลยีได้ จึงคาดว่าจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อตลาดสินค้าสำเร็จรูปที่มีมูลค่ามากกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3.4 ล้านล้านบาท) และตลาดบรรจุภัณฑ์ในภาคส่วนแสงสว่าง ยานยนต์ และไอทีมากกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3.4 แสนล้านบาท)
แบรนด์ Philips Lighting (ปัจจุบัน คือ Signify Group) เป็นบริษัทด้านแสงสว่างชั้นนำของโลก มีรายได้ประจำปี พ.ศ. 2566 ประมาณ 7 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2.38 แสนล้านบาท) โดยมีคำสั่งศาลให้ Conrad Electronic ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายทั่วโลกที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล่านี้ หยุดจำหน่ายผลิตภัณฑ์บางรายการที่ผลิตโดยบริษัทในเครือของแบรนด์ Philips Lighting ทันที และสั่งให้เรียกคืนและทำลายผลิตภัณฑ์ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ซึ่งจำหน่ายในตลาดมาตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2560
นอกจากนี้ ศาลยังตัดสินด้วยว่า จะต้องจ่ายค่าปรับสูงสุด 250,000 ยูโร ต่อการละเมิดแต่ละครั้งสำหรับการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งถือเป็นมาตรการลงโทษที่รุนแรงเพื่อป้องกันไม่ให้มีการละเมิดลิขสิทธิ์ดังกล่าวขึ้นอีก คำสั่งศาลเหล่านี้บังคับใช้กับผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่มีค่า CRI 70 ขึ้นไป ซึ่งไม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดยบริษัทในเครือของแบรนด์ Philips Lighting เท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการที่ Seoul Semiconductor เอาชนะคดีฟ้องร้องที่ Philips Lighting ยื่นฟ้องเพื่อขอให้เพิกถอนสิทธิบัตรได้ ทำให้เทคโนโลยีสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องของ Seoul Semiconductor มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา Seoul Semiconductor ได้ดำเนินการตามวิสัยทัศน์ “สะอาด มีสุขภาพดี และสวยงามด้วยแสง” โดยมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแนวคิดจากแสงเทียมที่เป็นอันตรายไปสู่แสงจากธรรมชาติ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ บริษัทได้ลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาเกือบ 100 ล้านดอลลาร์ต่อปี หรือประมาณ 10% ของรายได้ ด้วยเหตุนี้ Seoul Semiconductor จึงถือครองสิทธิบัตรอิเล็กทรอนิกส์ทางแสงมากกว่า 18,000 ฉบับในอุตสาหกรรม LED และได้ร่วมมือกับ Mitsubishi Chemical Corporation (MCC) เป็นเวลาหลายปีในการวิจัยและพัฒนาร่วมกันเพื่อปรับปรุงค่า CRI
Chung Hoon Lee ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Seoul Semiconductor กล่าวว่า “การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาก่อให้เกิดความหงุดหงิดในหมู่ผู้ประกอบการรุ่นใหม่และบริษัทที่สร้างสรรค์นวัตกรรม” “การลงทุนของเราในการป้องกันการโจรกรรมเทคโนโลยีช่วยสร้างตลาดที่ยุติธรรมยิ่งขึ้น และส่งเสริมให้คนหนุ่มสาวและบริษัทต่างๆ ทั่วโลกสร้างสรรค์นวัตกรรมต่อไป ช่วยให้เราทุกคนมีส่วนสนับสนุนให้โลกดีขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจหลักสามประการของบริษัทของเรา ได้แก่ เกียรติยศ ความไว้วางใจ และการมีส่วนสนับสนุน”
ที่มา: Seoul Semiconductor