Honeywell เปิดตัวแพลตฟอร์ม Battery Manufacturing Excellence Platform (Battery MXP) ซอฟต์แวร์อัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วยพลัง AI

Honeywell ปฏิวัติการปรับขยายการผลิตแบตเตอรี่จำนวนมาก ด้วยการประกาศเปิดตัวแพลตฟอร์ม Battery Manufacturing Excellence Platform (Battery MXP) ซึ่งเป็นวิธีการทางซอฟต์แวร์ที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ออกแบบมาเพื่อปรับการดำเนินงานของโรงงานขนาดใหญ่ให้มีความเหมาะสมที่สุดได้ตั้งแต่วันแรกของการดำเนินงาน ด้วยการเพิ่มผลผลิตเซลล์แบตเตอรี่ และเร่งการเริ่มต้นดำเนินการสำหรับผู้ผลิต

แพลตฟอร์ม Battery MXP ของ Honeywell ออกแบบมาเพื่อลดเวลาในการผลิตโดยรวม ลดการเกิดเศษวัสดุ และเพิ่มอัตราการส่งมอบสำหรับผู้ผลิตแบตเตอรี่

จากการผลิตแบบดั้งเดิมซึ่งเป็นวิธีการแบบสแตนด์อโลน จึงทำให้ผู้ผลิตแบตเตอรี่อาจมีอัตราการเกิดเศษวัสดุสูงถึง 30% ที่สภาวะคงตัว และสูงกว่านั้นในช่วงกระบวนการเริ่มต้นของโรงงาน (ที่มา: NREL) ซึ่งแนวปฏิบัตินี้อาจนำไปสู่การสูญเสียพลังงานและวัสดุเป็นมูลค่านับล้านดอลลาร์ ในขณะที่โรงงานขนาดใหญ่ต้องใช้เวลานานหลายปีในการปรับไปสู่การผลิตที่มีประสิทธิภาพและสามารถทำกำไรได้

แพลตฟอร์ม Battery MXP เป็นการรวมเทคนิค AI เข้าไว้ในกระบวนการผลิต ช่วยให้สามารถตรวจจับและแก้ไขปัญหาด้านคุณภาพก่อนที่จะก่อให้เกิดเศษวัสดุ จากนั้นจะใช้ประโยชน์จากการเรียนรู้ของเครื่องเพื่อระบุเงื่อนไขที่นำไปสู่ปัญหาด้านคุณภาพ และเปลี่ยนข้อมูลนี้ให้เป็นความเข้าใจอย่างถ่องแท้เพื่อมุ่งไปสู่การปฏิบัติ ซึ่งผู้ผลิตสามารถนำไปใช้เพื่อการปรับปรุงประสิทธิภาพและเพิ่มผลิตภาพได้

ด้วยการส่งมอบข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ จึงสามารถปรับปรุงการควบคุมคุณภาพและการตัดสินใจภายในพื้นที่ของโรงงานได้ โดย Battery MXP ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ผลิตลดเวลาการผลิต ลดอัตราการเกิดเศษวัสดุเริ่มต้นลง 60% และเพิ่มอัตราการส่งมอบเพื่อตอบสนองความต้องการแบตเตอรี่พื้นฐานลิเธียมที่เพิ่มขึ้นได้ (ตามข้อมูลภายในของ Honeywell จากการทดสอบ Battery MXP ในช่วงนำร่อง)

Battery MXP ช่วยให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับแบบสองทิศทางและตรวจลำดับตามวงศาวิทยาได้ โดยติดตามเซลล์แบตเตอรี่ได้ตั้งแต่ยังเป็นวัตถุดิบไปจนถึงผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปได้ในเวลาจริง ช่วยให้มั่นใจในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ในทุกขั้นตอน วิธีการนี้ยังช่วยจัดการกับความท้าทายสำคัญอื่นๆ ที่ผู้ผลิตแบตเตอรี่ต้องเผชิญ โดยนำเสนอวิธีการสำหรับควบคุมกระบวนการ การจัดการพนักงาน และการป้องกันไฟไหม้แบตเตอรี่ที่ควบคุมความร้อนไม่ได้ ซึ่งองค์ประกอบด้านความปลอดภัยเหล่านี้ช่วยให้ทั้งผู้ปฏิบัติงานในโรงงานขนาดใหญ่และผู้ใช้แบตเตอรี่มีความปลอดภัย

การใช้ระบบอัตโนมัติเพื่อความก้าวหน้าของการเดินทางด้วยไฟฟ้าของโลก จะช่วยสนับสนุนการจัดผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ Honeywell ให้สอดคล้องกับแนวโน้มสำคัญด้านการอัตโนมัติและการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน โดย Honeywell ในฐานะผู้เล่นหลักในการเปลี่ยนผ่านพลังงานทั่วโลก กำลังใช้ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดในด้านการอัตโนมัติทางอุตสาหกรรม, IoT (Internet of Things) ที่มีความมั่นคงทางไซเบอร์, การขนถ่ายวัสดุ, ระบบอัตโนมัติในอาคาร และวิธีการด้านความปลอดภัย เพื่อช่วยให้ผู้ผลิตแบตเตอรี่นำผลิตภัณฑ์ที่เชื่อถือได้ออกสู่ตลาดได้เร็วที่สุด และสามารถตอบสนองความต้องการเซลล์แบตเตอรี่ได้ตามที่คาดการณ์ไว้

John Kem ประธาน American Battery Factory กล่าวว่า — “ด้วย Battery MXP ของ Honeywell และความสามารถด้านการอัตโนมัติ เราจึงวางรากฐานสำหรับเครือข่ายโรงงานขนาดใหญ่ของเราได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิผล” “วิธีการนี้มีความสำคัญต่อการผลิต เนื่องจากช่วยให้เราสามารถลดการเกิดเศษวัสดุและปรับขยายการผลิตได้อย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็รับประกันได้ว่า สามารถตอบสนองความต้องการแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟตคุณภาพสูงทั้งในสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศได้ โดยที่เราได้เตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในทศวรรษหน้า”

Pramesh Maheshwari ประธานของ Honeywell Process Solutions กล่าวว่า — “ความต้องการใช้ไฟฟ้าในชีวิตประจำวันจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่มีคุณภาพยังคงเพิ่มขึ้นทั่วโลก ทั้งในการขับเคลื่อนยานยนต์ไฟฟ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า และระบบกักเก็บพลังงานแบตเตอรี่” “ด้วยการวางแผนสร้างโรงงานขนาดใหญ่มากกว่า 400 แห่งทั่วโลกภายในปี พ.ศ. 2573 แพลตฟอร์ม Battery MXP ของ Honeywell จึงเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ผลิตสามารถเพิ่มผลผลิตเซลล์ได้สูงสุด และเข้าถึงการผลิตสูงสุดได้เร็วกว่าวิธีการแบบเดิมมาก”

ที่มา: Honeywell

About pawarit

Check Also

นโยบายด้าน AI ของ Trump 2.0

วันนี้ (20 ม.ค. 2025) เป็นกำหนดการพิธีสาบานตนของโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 อย่างเป็นทางการ หลังจากนี้นโยบาย Trump 2.0 จะเริ่มต้นขับเคลื่อนในสมัยรัฐบาลใหม่และเทรนด์ปี 2025 …

การกลับมาของมนุษย์ เพื่อเป็นศูนย์กลางขับเคลื่อน Industry 5.0 ในอุตสาหกรรมการผลิต สู่ความยั่งยืนและยืดหยุ่น

Industry 5.0 ในภาคการผลิตที่ซึ่งมนุษย์และเครื่องจักรโต้ตอบกันแบบเรียลไทม์ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ครั้งนี้ทำให้ผู้ผลิต พนักงาน และกระบวนการต่าง ๆ ทำงานอย่างสอดประสานโดยมีมนุษย์เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อน ตั้งแต่การพิมพ์แบบ 3 มิติไปจนถึง AI กระบวนการผลิตอยู่ในจุดเปลี่ยนสำคัญ และเป็นครั้งแรกที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการให้ผู้ผลิตมีอำนาจในการดูกระบวนการของตนเองที่ชัดเจนมากขึ้น