MPP เผยว่าอุตสาหกรรมหนักได้เริ่มการเปลี่ยนผ่านไปสู่ Net Zero แล้ว แต่ต้องเร่งอีกเจ็ดเท่าเพื่อให้ทันเป้าหมายปี 2030

Mission Possible Partnership (MPP) เปิดตัว Global Project Tracker ที่จะฉายให้เห็นสถานะของการเปลี่ยนผ่านในภาคอุตสาหกรรมหนักและการขนส่งใน 7 ประเภท ซึ่งเป็นภาคส่วนที่มีการปล่อยคาร์บอนรวมกันมากถึง 30% ของโลก การติดตามสถานะดังกล่าวเผยให้เห็นว่า เส้นท่อของการปรับเข้าสู่สุทธิเป็นศูนย์ (net-zero-aligned) จากโครงการต่างๆ ไปจนถึงภาคส่วนที่เรียกว่า ‘ยากยิ่งต่อการลด’ ต่างก็กำลังเติบโต แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีการแจ้งเตือนด้วยว่า ยังมีความจำเป็นต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว เพื่อนำโรงงานที่มุ่งเป้าลดคาร์บอนเกือบ 600 แห่ง ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ให้บรรลุเป้าหมายในการปรับเข้าสู่วิถี 1.5°C

Tracker แสดงให้เห็นว่ามีโรงงานที่ปรับเข้าสู่สุทธิเป็นศูนย์ในระดับการพาณิชย์ที่ดำเนินการอยู่ในขณะนี้มีจำนวน 68 แห่ง และอยู่ระหว่างการตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (FID) จำนวน 42 แห่ง นอกจากนี้ จะต้องมีโรงงานเข้ามาสู่กระบวนการและดำเนินการได้ภายในปี ค.ศ. 2030 มากกว่า 700 แห่ง ซึ่งเป็นหมุดหมายสำคัญตามการสนับสนุนในภาคอุตสาหกรรมของ MPP เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนในภาคส่วนหลักให้สอดคล้องกับเป้าหมายตามข้อตกลงปารีส

เพื่อให้เป็นไปตามกำหนดเวลาเหล่านี้ FID จะต้องทำให้เสร็จสิ้นภายใน 3 ปี จึงจะสามารถก่อสร้างได้ภายในทศวรรษนี้ ซึ่งการเชื่อมโยงช่องว่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และการขยายวิธีการที่จะทำให้ได้เกือบเป็นศูนย์ (near-zero) นั้น จำเป็นต้องเพิ่มจำนวนโรงงานที่บรรลุข้อตกลง FID แล้วให้ได้มากขึ้นอีก 7 เท่าจากจำนวนที่มีอยู่ ณ ปัจจุบัน

ข่าวที่น่ายินดีก็คือ มีหลายบริษัทได้ออกประกาศโครงการของตนอย่างมากมายในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งบ่งบอกถึงความทะเยอทะยานมากขึ้นของภาคอุตสาหกรรม และมีการขยับเปลี่ยนไปสู่เงื่อนไขที่เอื้ออำนวยกันมากขึ้นในบางพื้นที่ โดยมีแผนสร้างโรงงานกำจัดคาร์บอนในระดับการพาณิชย์จำนวน 473 แห่งตามข้อมูลจาก Tracker ซึ่งหากนำไปสู่ขั้นตอน FID ได้ก็จะช่วยลดช่องว่างนี้ลงได้ถึง 80%

อย่างไรก็ตาม ในการวิเคราะห์ของ MPP บ่งชี้ว่า หลายโครงการยังประสบปัญหาเมื่อได้รับคำประกาศที่ส่งผลต่อ FID นั่นหมายความว่า ความคืบหน้าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนั้นยังช้าเกินไป อุปสรรคทางเศรษฐกิจและนโยบายต่างๆ สามารถระบุได้ว่าโครงการนั้นกำลังสะดุด โดยมีโรงงาน 595 แห่งที่จะต้องถูกนำเข้าสู่ FID ภายใน 3 ปี เพื่อให้พร้อมสำหรับการบรรลุเป้าหมายได้ในปี ค.ศ. 2030 ซึ่งมีทั้งโรงงานในกลุ่มอะลูมิเนียม ซีเมนต์ เคมีภัณฑ์ เหล็ก การบิน และการขนส่ง ขณะที่เป้าหมายในด้านการขนส่งด้วยรถบรรทุก จะต้องมีการตรวจวัดจากรถบรรทุกที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ที่วิ่งอยู่บนท้องถนน โดยมีรถบรรทุกนับล้านคันที่ต้องดำเนินการภายในทศวรรษนี้

Tracker ของ MPP ใช้ข้อมูลที่รวบรวมไว้เพื่อสร้างแผนภูมิความคืบหน้าของการลงทุนในโครงการที่ปรับเข้าสู่สุทธิเป็นศูนย์ พร้อมทั้งการอัปเดตรายไตรมาส ซึ่ง Tracker เป็นเครื่องมือแรกที่เปิดเผยต่อสาธารณะในการรวมภาคส่วนอุตสาหกรรมใน 7 ประเภท และแสดงภาพด้วยเส้นท่อ ซึ่งชี้ให้เห็นถึงสถานะของโครงการตั้งแต่ได้ประกาศออกไปจนถึงขั้นตอน FID และเข้าสู่การดำเนินการ

โครงการต่างๆ ที่สำคัญในปัจจุบันได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเทคโนโลยีกำลังเติบโต และโครงการที่ประกาศไว้แสดงให้เห็นถึงโอกาสในการสร้างมวลที่สำคัญและตระหนักถึงตลาดใหม่สำหรับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่สะอาด อย่างไรก็ตาม อุปสรรคทางเศรษฐกิจและนโยบายจะต้องได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็วเพื่อสร้างความสามารถทางการเงินให้แผ่ออกไปสู่โครงการที่ประกาศไว้ ในขณะเดียวกันก็สนับสนุนการพัฒนาอื่นๆ อีกมากมาย

มีหลักฐานปรากฏให้เห็นเกี่ยวกับการแทรกแซงที่สามารถเร่งกระบวนการได้ ซึ่งการวิเคราะห์จาก Tracker แสดงให้เห็นถึงกลไกสำคัญที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจสำหรับการดำเนินการต่อไป ได้แก่

• นโยบายของรัฐบาลสามารถสร้างอุปสงค์และเชื่อมโยงกับความเขียวสะอาดในระดับพรีเมียมได้
• การสนับสนุนการปรับใช้เทคโนโลยีสะอาดสามารถลดความเสี่ยงในการลงทุนได้
• การใช้ที่ตั้งโครงการร่วมกันและโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้งานได้ นำมาซึ่งพลังของการทำงานร่วมกัน

Dick Benschop รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Mission Possible Partnership กล่าวว่า — “เรามีความรู้ความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในระดับใหม่เกี่ยวกับวิถีการลดการปล่อยคาร์บอนสำหรับอุตสาหกรรมหนักและการขนส่ง และเห็นความทะเยอทะยานที่เพิ่มมากขึ้นของอุตสาหกรรมได้อย่างชัดเจน แต่ด้วยอนาคตของโลกที่แขวนไว้ด้วยความสมดุล ไม่มีการซ่อนเร้นใดๆ จากความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้า เราจำเป็นต้องปลดล็อกอุปสรรคที่สามารถเปลี่ยนแผนงานให้เข้าสู่โรงงานได้อย่างรวดเร็ว และเราขอเรียกร้องให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดเข้ามามีส่วนร่วม”

Christiana Figueres ผู้ร่วมก่อตั้ง Global Optimism กล่าวว่า — “การทำให้ข้อตกลงปารีสเป็นจริงได้ หมายความว่า ภาคส่วนที่ ‘ยากต่อการลด’ ‘ก็ต้องลด’ ซึ่ง Global Project Tracker ของ MPP แสดงให้เห็นว่า พวกเขามีความสามารถอยู่แล้ว และยังมีหลายกรณีที่เห็นได้ว่าพวกเขา ‘ต้องการลด’ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในขณะนี้เป็นแบบก้าวกระโดดที่อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมสำหรับอุตสาหกรรมหนัก การขนส่ง การบิน และรถบรรทุก ถึงแม้ว่าเส้นท่อโครงการของ MPP จะทำให้เห็นความก้าวหน้าต่างๆ ได้ชัดเจนแล้วก็ตาม แต่ความสำเร็จก็ไม่ใช่สิ่งที่แน่นอนเสมอไป ผู้กำหนดนโยบายและผู้ลงทุนจะต้องแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำที่กล้าหาญเมื่อมาอยู่ในบนทางแพร่งที่สำคัญ และสามารถตัดสินใจได้ว่า ภาคส่วน ‘ก็ต้องลด’ นั้น สามารถดำเนินการด้วยอัตราก้าวและสามารถขยายขนาดตามที่ต้องการได้”

ที่มา: Mission Possible Partnership