![](https://www.factorytalkthai.com/wp-content/uploads/2024/11/G-Able-Feature-01.png)
สรุปไฮไลท์จากงาน G-Able Demo Day ภายใต้หัวข้อ “F5 Distributed Cloud – Connectivity for Visibility and Protection” จัดขึ้นโดย G-Able ร่วมกับ Exclusive – Networks Thailand และ F5 เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา ณ โรงแรม Grand Center Point Terminal 21
ไฮไลท์ที่น่าสนใจ:
- ไฮไลท์การบรรยายบนเวทีและเนื้อหาเหมาะกับกลุ่มใด
- เจาะลึกเกี่ยว 6 ฟังก์ชันและประโยชน์หลักของ F5 Distributed Cloud
- Modern Application และ Use Case ของ F5 Distributed Cloud
- F5 Distributed Cloud API Discovery และ API Protection Console
- ประโยชน์หลักจากการปรับใช้ F5 Distributed Cloud API Discovery และ API Protection
ภายในงาน ไฮไลท์อยู่ที่การนำเสนอเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ F5 Distributed Cloud ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ด้านการปรับปรุงระบบและโครงสร้างพื้นฐานขององค์กรให้ทันสมัยมากขึ้น (Infrastructure Modernization) สอดรับยุคดิจิทัลใหม่ที่มีการใช้งานระบบคลาวด์และแอปพลิเคชันแบบกระจายตัวหลากหลายกันมากขึ้น ในขณะเดียวกันยังมี Traditional Application เดิมอยู่ที่ On Premise ซึ่งเป็นฟีเจอร์หลักของ F5 Distributed Cloud ที่จะช่วยให้การบริหารจัดการรวมถึงรักษาความปลอดภัยแอปพลิเคชัน ที่ใช้งานอยู่เดิมหรือกำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพสูงสุด
ไฮไลท์การบรรยายบนเวทีและเนื้อหาเหมาะกับกลุ่มใด
![](https://www.factorytalkthai.com/wp-content/uploads/2024/11/G-Able-01.png)
ในช่วงการบรรยายบนเวที โดยคุณธีรเชษฐ์ ลาภทวี Portfolio Manager, Data Center Modernization ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับระบบโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีมากว่า 20 ปี มีประสบการณ์ในการออกแบบและนำเสนอรวมไปถึงติดตั้ง ระบบ IT Infrastructure ให้กับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน
สำหรับเนื้อหาการบรรยาย ได้มุ่งเน้นไปที่หลักในการออกแบบโครงสร้างพื้นฐานให้มีความยืดหยุ่น ทันสมัย รองรับ workload หรือ application ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องในหลายปีที่ผ่านมา และยังสามารถสร้างความปลอดภัยของข้อมูลในแต่ละองค์กร โดยงานสัมมนาครั้งนี้ มีรูปแบบการนำเสนอเนื้อหาและตัวอย่างโซลูชันที่สอดคล้องกับ Mid Market และ Enterprise Market ซึ่งมีขนาดของทีมไอทีไม่มากนักและต้องเสียเวลาไปกับการบริหารจัดการ IT Infrastructure มากพอสมควร รวมไปถึงองค์กรที่มีการใช้งานระบบ cloud ที่หลากหลาย มีความจำเป็นต้องพึ่งพาระบบจัดการจากส่วนกลาง (Centralize) เพื่อการบริหารจัดการแบบรวมศูนย์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการมองเห็นกระบวนการที่เกิดขึ้นใน Application จากแหล่งต่าง ๆ ผ่านหน้าจอเดียว (Single pane of glass)
เจาะลึกเกี่ยวกับ 6 ฟังก์ชันและประโยชน์หลักของ F5 Distributed Cloud
![](https://www.factorytalkthai.com/wp-content/uploads/2024/11/F5-Distributed-Cloud-01.png)
“F5 ทำให้การเชื่อมต่อเครือข่ายแบบมัลติคลาวด์เป็นเรื่องง่ายขึ้นในสภาพแวดล้อมคลาวด์แบบกระจาย ด้วยการนำเสนอบริการที่ผสานรวมการทำงานแบบสแต๊ก (stack) สำหรับการเชื่อมต่อเครือข่ายและภาระงานของแอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้อย่างปลอดภัย ช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานและเพิ่มความคล่องตัว”
- Multi-cloud Networking: เป็นฟังก์ชันที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการเชื่อมต่อกับหลาย ๆ คลาวด์ที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น Public Cloud, Private Cloud, Edge Locations รวมไปถึง On Premise Data Center ช่วยสนับสนุบทำให้การจัดการเครือข่ายในสภาพแวดล้อมที่หลากหลายมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดความซับซ้อนในขั้นตอนการ Configuration แบบรวมศูนย์ผ่านระบบ Centralize ซึ่งช่วยให้การเชื่อมต่อแบบข้ามคลาวด์เป็นไปได้อย่างราบรื่นและคล่องตัวมากยิ่งขึ้น
- Application Delivery: เป็นฟังก์ชันที่เข้ามาช่วยในการปรับปรุงกระบวนการส่งผ่านและการทำงานของแอปพลิเคชันบนโครงสร้างพื้นฐานที่หลากหลาย ด้วยการให้บริการ Load Balancing, Edge Computing และ CDN (Content Delivery Network) เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าถึงแอปพลิเคชันได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด
- Application Security: เป็นฟังก์ชันที่จะทำให้โซลูชันด้านความปลอดภัยสำหรับแอปพลิเคชันแบบครบวงจร ทั้งการป้องกันภัยคุกคามที่เกี่ยวกับเว็บ (เช่น WAF – Web Application Firewall), การป้องกัน DDoS, การรักษาความปลอดภัย API และการจัดการบอต ทำให้องค์กรสามารถปรับใช้และจัดการแอปพลิเคชั่นได้อย่างปลอดภัย
- Edge Computing: เป็นฟังก์ชันช่วยให้องค์กรที่ใช้ F5 Distributed Cloud สามารถนำแอปพลิเคชันไปวางใกล้กับผู้ใช้งานได้มากขึ้น (Near Edge) ซึ่งเหมาะสมกับการให้บริการที่ต้องการความหน่วงต่ำ (Low Latency) เช่น แอปพลิเคชันด้าน IoT, gaming, AR/VR และสตรีมมิ่ง
- API Security: ฟังก์ชันนี้ช่วยให้องค์กรเพิ่มขีดความสามารถในการจัดการ API ที่มีความซับซ้อนได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น มาพร้อมฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยอย่าง API Gateway ทำให้สามารถควบคุมการเข้าถึงและการป้องกันการโจมตีผ่าน API ได้คล่องตัวยิ่งขึ้น
- Zero Trust Security: ฟังก์ชัน Zero Trust ทำให้การเข้าถึงทรัพยากรภายในเครือข่ายมีความปลอดภัยและเชื่อถือได้ ด้วยการยืนยันตัวตนและการเข้ารหัสข้อมูลอยู่เสมอ
Modern Application และ Use Case ของ F5 Distributed Cloud ที่นำเสนอภายในงาน
![](https://www.factorytalkthai.com/wp-content/uploads/2024/11/F5-Distributed-Cloud-06.png)
ไฮไลท์หลักของงานสัมมนาครั้งนี้ คือ F5 Distributed Cloud แพลตฟอร์มที่ถูกออกแบบมาสำหรับการช่วยสนับสนุน Modern Application ผ่านเครื่องมือที่มีความยืดหยุ่นและครอบคลุมทั้งด้านการจัดการแอปพลิเคชัน ความปลอดภัย และการเชื่อมต่อ ซึ่งตอบโจทย์การใช้งานในสภาพแวดล้อมของ Modern Application ที่มีลักษณะกระจายตัวและซับซ้อน เพื่อให้เข้าใจเกี่ยวกับการผลิตภัณฑ์ของ F5 ที่สามารถปรับใช้ได้หลากหลาย จึงได้มีการนำเสนอโซลูชันผ่าน Use Case ที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว ซึ่งประกอบด้วย
Web Application and API Protection
- สำหรับ Use Case: นี้ เพื่อป้องกันแอปพลิเคชันและ API จากภัยคุกคาม เช่น การโจมตี DDoS การโจมตี SQL Injection และ Bot ที่เป็นอันตราย
- โดยการปรับใช้ Solution: F5 Distributed Cloud และ Advanced WAF ที่มีฟีเจอร์ป้องกันภัยคุกคามสำหรับเว็บแอปพลิเคชัน (WAF) และการรักษาความปลอดภัย API ทำให้องค์กรสามารถป้องกันการโจมตีและภัยคุกคามที่มุ่งเป้าไปที่ API ได้
Edge Computing และ Low-Latency Applications
- สำหรับ Use Case: นี้ เหมาะสำหรับองค์กรที่ให้บริการแอปพลิเคชันที่ต้องการความหน่วงต่ำ (Low Latency) เช่น แอปพลิเคชันด้าน IoT, AR/VR, Streaming และ Game Online
- โดยการปรับใช้ Solution: F5 Distributed Cloud Edge Services เพื่อช่วยให้ขับเคลื่อนความสามารถในการนำแอปพลิเคชันไปทำงานใกล้กับผู้ใช้งานปลายทางได้มากขึ้น เพื่อลด latency และปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
F5 Distributed Cloud API Discovery และ API Protection Console
![](https://www.factorytalkthai.com/wp-content/uploads/2024/11/F5-Distributed-Cloud-04.png)
F5 Distributed Cloud API Discovery และ API Protection เป็นเครื่องมือที่ให้ช่วยองค์กรเข้าถึงความสามารถในการจัดการ API อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งในด้านการตรวจสอบ การจัดการ และการรักษาความปลอดภัยของ API บนระบบคลาวด์ เพื่อเพิ่มศักยภาพให้องค์กรสามารถมอนิเตอร์แอปพลิเคชันและบริการที่เชื่อมต่อกันผ่าน API ได้ง่ายดายขึ้น และมีความปลอดภัยขั้นสูง ดังละเอียดต่อไปนี้
API Discovery
- การตรวจสอบและค้นหา API อัตโนมัติ: API Discovery ช่วยให้องค์กรสามารถค้นหา API ที่ใช้งานอยู่ทั้งหมดในระบบได้อย่างอัตโนมัติ โดยไม่จำเป็นต้องตรวจสอบทีละจุด ระบบสามารถระบุและจัดประเภท API ต่าง ๆ ที่มีอยู่ในเครือข่ายหรือระบบคลาวด์ได้ทันที
- การทำ Mapping และ Inventory API: API Discovery จะช่วยแสดงข้อมูลเกี่ยวกับ API ที่มีอยู่ทั้งหมด เช่น endpoints, method (เช่น GET, POST), และเส้นทาง (path) ของ API ซึ่งช่วยให้องค์กรมีภาพรวมได้อย่างชัดเจนสำหรับ API ที่ใช้งานอยู่และสามารถจัดการได้อย่างเป็นระบบ
- Real-Time Monitoring: ฟีเจอร์ช่วยให้เข้าถึงการติดตามและเฝ้าระวัง API ที่ใช้งานอยู่แบบเรียลไทม์ เพื่อช่วยให้สามารถตรวจพบการใช้งานที่ผิดปกติได้อย่างทันท่วงที ทำให้องค์กรสามารถตอบสนองต่อภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างเต็มประสิทธิภาพสูงสุด
API Protection
- การป้องกัน API จากภัยคุกคาม: API Protection Console มีฟีเจอร์สำหรับการป้องกัน API จากภัยคุกคามได้หลากหลายรูปแบบ เช่น SQL Injection, Cross-Site Scripting (XSS), และการโจมตีโดยใช้ API Bot เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับองค์กรสามารถคุ้มครองข้อมูลที่มีการรับส่งผ่าน API ได้อย่างปลอดภัยและเชื่อถือได้
- Rate Limiting และ Access Control: Console นี้ช่วยในการกำหนดข้อจำกัดการใช้งาน API (rate limiting) และการควบคุมการเข้าถึง (access control) ช่วยให้ API ไม่ถูกใช้งานเกินความจำเป็นหรือโดนโจมตีจากการส่งคำขอมากเกินไป
- Bot Protection: ระบบสามารถตรวจจับและป้องกันการเข้าถึงจากบอต (bot) ที่มีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ โดยสามารถปิดกั้นการเข้าถึงหรือกำหนดข้อจำกัดการใช้งาน ช่วยให้ API ปลอดภัยจากการโจมตีจากบอต (bot) ที่ต้องการเข้าถึงข้อมูลหรือก่อให้เกิดปัญหาภายในระบบได้
- การทำ Data Masking: ช่วยในการปกปิดข้อมูลที่มีความสำคัญ (เช่น ข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลการเงิน) ในการตอบสนองจาก API เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูลที่มีความอ่อนไหวระดับสูง
- การตรวจสอบ API Compliance: เสริมความสามารถในการตรวจสอบว่า API ขององค์กรเป็นไปตามมาตรฐานหรือกฎหมายความปลอดภัยหรือไม่ เช่น PCI DSS, GDPR เป็นต้น สร้างความน่าเชื่อถือได้ว่า API ได้รับการป้องกันและสอดคล้องตามมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง
ประโยชน์หลักการปรับใช้ F5 Distributed Cloud API Discovery และ API Protection
![](https://www.factorytalkthai.com/wp-content/uploads/2024/11/F5-Distributed-Cloud-05.png)
ผู้ที่เข้าร่วมงานสัมมนาครั้งนี้ สามารถเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์ทั้ง 4 ด้านของการปรับใช้ F5 Distributed Cloud API Discovery และ API Protection เพื่อการนำไปปรับใช้จริงกับองค์กรที่เกิดประโยชน์สูงสุดทั่วทั้งระบบไอทีที่มีการใช้งาน API
- เพิ่มความปลอดภัยให้กับ API ได้อย่างไร: สามารถช่วยลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามและการโจมตีต่าง ๆ ที่อาจเข้ามาผ่าน API ขององค์กรมีความปลอดภัยมากขึ้น
- เพิ่มการมองเห็นและควบคุม API ทั้งหมดได้อย่างไร: สามารถช่วยให้ทีมไอทีและทีมรักษาความปลอดภัยสามารถติดตามและจัดการ API ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังสามารถช่วยป้องกัน API ที่ไม่ทราบว่ามีอยู่ในระบบ (shadow API)
- เพิ่มการทำงานให้เป็นอัตโนมัติ: สามารถช่วยลดภาระในการค้นหาและจัดการ API ทีละจุด และสามารถดำเนินการด้านความปลอดภัยได้โดยอัตโนมัติ
- เพิ่มศักยภาพการตอบสนองได้เร็วขึ้น: สามารถการตรวจพบและตอบสนองภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นกับ API ได้แบบเรียลไทม์ ช่วยลดความเสี่ยงที่เกิดจากการโจมตีได้อย่างทันท่วงที
F5 Distributed Cloud API Discovery และ API Protection เป็นเครื่องมือที่สำคัญสำหรับองค์กรที่ต้องการจัดการ API ให้มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในยุคดิจิทัลที่มีการใช้งาน API กันอย่างแพร่หลาย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการและการรักษาความปลอดภัย API ในระบบที่ซับซ้อนและมีการใช้งานข้ามระบบคลาวด์ หากองค์กรมีเครื่องมือที่สามารถค้นหาและตรวจสอบ API ได้โดยอัตโนมัติและแบบเรียลไทม์ จะช่วยให้การบริหารจัดการ API เป็นเรื่องที่ง่ายดายขึ้น รวมไปถึงช่วยลดความเสี่ยงจาก API ที่ไม่รู้จักหรือ API ที่ไม่ได้รับการป้องกันที่เพียงพอได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้วยการผสานเทคโนโลยีของ F5 Distributed Cloud องค์กรจะสามารถมั่นใจได้ว่า API ที่ใช้งานทั้งหมดจะได้รับการปกป้องจากภัยคุกคามต่าง ๆ ด้วยการติดตามและจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังเป็นการเสริมสร้างการทำงานของแอปพลิเคชันให้มีความยืดหยุ่นและปลอดภัยสูงสุด ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในยุคดิจิทัลที่ API กลายเป็นหัวใจสำคัญของการเชื่อมต่อและบริการต่าง ๆ ขององค์กร
สนใจข้อมูลเพิ่มเติม F5 Distributed Cloud ติดต่อ : [email protected]