Four-Leaf Clover สถาปัตยกรรมรวมศูนย์ทางอิเล็กทรอนิกส์และไฟฟ้า เพื่อความชาญฉลาดยิ่งขึ้นของ EV ยุคหน้า

Leapmotor เปิดเผยนวัตกรรมล่าสุด ‘Four-Leaf Clover’ สถาปัตยกรรมรวมศูนย์ทางอิเล็กทรอนิกส์และไฟฟ้า (Central Integrated Electronic and Electrical Architecture) ที่เรียกง่ายๆ ว่า สถาปัตยกรรม ‘Four-Leaf Clover’ เป็นเทคโนโลยีที่ Leapmotor พัฒนาขึ้นเองโดยสมบูรณ์ ด้วยการรวมเอา System-on-Chip (SOC) หนึ่งระบบ และหน่วยไมโครคอนโทรลเลอร์ (MCU) หนึ่งชุด มาสร้างเป็นหน่วยซูเปอร์คอมพิวเตอร์ส่วนกลาง พร้อมทั้งรวมระบบต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน ทั้ง ระบบภายในห้องคนขับ ระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะ โดเมนพลังงานและโดเมนตัวรถ การใช้ประโยชน์จากกำลังการประมวลผลสูง การสื่อสารที่รวดเร็ว และการมีความหน่วงต่ำ จึงทำให้การทำงานร่วมกันระหว่างองค์ประกอบต่างๆ ของยานยนต์ EV ที่มีความสำคัญเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

Zhu Jiangming ผู้ก่อตั้ง, ประธาน และซีอีโอ ของ Leapmotor ย้ำว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การพัฒนาตนเองได้อย่างเบ็ดเสร็จนั้น ทำให้ Leapmotor มีความสามารถในการสำรวจเทคโนโลยีที่สำคัญได้อย่างลึกซึ้ง สถาปัตยกรรม ‘Four-Leaf Clover’ ใช้ประโยชน์จากความสามารถทั้งหมดของทั้งสองชิปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผลิตภัณฑ์ได้ในอนาคต และเป็นการมอบคุณค่าที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้า ความสำเร็จที่ก้าวล้ำนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Leapmotor ในการจัดหาผลิตภัณฑ์ที่ล้ำสมัย และมีสมรรถนะสูง ในราคาที่คู่ควรสำหรับผู้ใช้ที่เข้าใจในคุณค่า

สถาปัตยกรรม ‘Four-Leaf Clover’ สามารถบรรลุผลตามเกณฑ์กำหนดทั่วไปมากกว่า 90% โดยมีตัวเลือกสำหรับการจัดองค์ประกอบการใช้งานเป็นสามระดับ คือ มาตรฐาน ระดับกลาง และระดับไฮเอนด์ สามารถรองรับยานยนต์ระดับราคา 100,000 ถึง 300,000 RMB (หยวน) (ประมาณ 480,000 ถึง 1,440,000 บาท)

การจัดองค์ประกอบในแต่ละระดับ ใช้ชิปดังนี้

• ระดับมาตรฐาน: Qualcomm Snapdragon 8155 SOC และ NXP S32G MCU
• ระดับกลาง: Qualcomm Snapdragon 8295 SOC และ NXP S32G MCU
• ระดับไฮเอนด์: Qualcomm Snapdragon 8295 SOC และ NXP S32G MCU พร้อมด้วยชิปเซ็ต Orin-X ขั้นสูง

นอกจากนี้ ตัวระบบยังรองรับฟังก์ชันช่วยการขับขี่อัจฉริยะ (intelligent driving assistance) ขั้นสูงระดับ L2++

สถาปัตยกรรม ‘Four-leaf Clover’ นำไปสู่การหลอมรวมส่วนต่างๆ เข้ามาอยู่ในห้องโดยสารได้อย่างแท้จริง จากการใช้ หนึ่ง SOC + หนึ่ง MCU ทำให้ได้สมรรถนะสูงสุดจากทั้งสองชิป ซึ่งมีการผสานรวมทั้งระบบภายในห้องคนขับ ระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะ โดเมนพลังงานและโดเมนตัวรถ กำลังการประมวลผลสูง และสามารถนำข้อมูลส่วนกลางมาใช้ในการตัดสินใจผ่านตัวควบคุมส่วนกลางได้

เปรียบเทียบการทำงานที่คล้ายกับสมองของมนุษย์ โดยชิป SOC เสมือนเป็นสมองซีกซ้าย ทำหน้าที่ดำเนินการทางข้อมูล ในขณะที่ MCU เสมือนเป็นสมองซีกขวา ทำหน้าที่คำนวณเชิงตรรกะ จึงสามารถบรรลุผลในจุดหมายเดียวกันของทั้งสี่โดเมน นอกจากนี้ สถาปัตยกรรม ‘Four-Leaf Clover’ ยังใช้เทคโนโลยีการควบคุมตามภูมิภาคเพื่อการปรับโครงสร้างตามการจัดสรรเซนเซอร์และแอคชูเอเตอร์ของยานยนต์ ซึ่งเป็นแนวทางสำหรับการสื่อสารผ่านอินเทอร์เฟซมาตรฐาน ส่งผลให้ความยาวทั้งหมดของชุดสายไฟในยานยนต์สั้นลงเหลือ 1.5 กม. ซึ่งเป็นการก้าวสู่ระดับสูงสุดในอุตสาหกรรม

Mr. Xian Lei รองประธานอาวุโสฝ่ายขายและพัฒนาธุรกิจของ Qualcomm กล่าวว่า — “ยานยนต์ Leapmotor C-series ทุกคันได้ติดตั้งชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 8155 และยานยนต์รุ่นใหม่ของ Leapmotor ที่มีแผนจะเปิดตัวเร็วๆ นี้ จะเป็นหนึ่งในกลุ่มแรกๆ ที่มีชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 8295 ซึ่งเรามองไปที่การใช้ประโยชน์จากวิธีการล่าสุดของ Snapdragon Digital Chassis เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่เหนือระดับให้กับผู้ขับขี่”

Ms. Liu Fang รองประธานทั่วโลกและผู้จัดการทั่วไปแผนก Greater China Automotive Electronics Division ของ NXP Semiconductors กล่าวว่า —  “Leapmotor เป็นผู้ใช้วิธีการของชิป S32K รายแรกๆ และยังเติบโตไปพร้อมกับ MCU ในซีรีส์ S32K ซึ่งการใช้ชิปซีรีส์ S32G ของ NXP ทำให้ Leapmotor มีอิสระในการพัฒนาด้วยการผสานรวมคอนโทรลเลอร์หลายตัว เช่น VCU, BCM และ GW เข้ามาไว้ด้วยกัน เราหวังว่าการทำงานร่วมกันระหว่างทั้งสองฝ่ายจะนำไปสู่การสำรวจยุคต่อไปของสถาปัตยกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และปลดล็อกสิ่งต่างๆ เพื่อให้ได้ศักยภาพของรถยนต์อัจฉริยะเพิ่มมากขึ้น”

สถาปัตยกรรม ‘Four-Leaf Clover’ ของ Leapmotor ใช้แพลตฟอร์มซูเปอร์คอมพิวเตอร์ส่วนกลาง และสามารถอัปเดตให้กับยานยนต์ได้ในแบบ Over-The-Air (OTA) ดังนั้น เมื่อต้องการปรับระดับพัฒนาการยานยนต์ตลอดทั้งคันในอนาคต ก็สามารถทำได้ง่ายเพียงการอัปเกรดซอฟต์แวร์ให้กับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ส่วนกลางเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ สถาปัตยกรรม ‘Four-Leaf Clover’ จึงกลายเป็นแพลตฟอร์มแรกของอุตสาหกรรมที่บรรลุผลการอัปเกรดยานยนต์ตลอดทั้งคันผ่านทาง OTA ได้แบบไร้รอยต่อโดยไม่ทำให้เกิดการหยุดชะงัก

ที่มา: Leapmotor