Aptera Motors ประกาศความพร้อมในการจัดแสดงรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ใช้พลังแสงอาทิตย์โดยไม่ต้องชาร์จไฟสำหรับใช้ขับขี่จริงในชีวิตประจำวันที่งาน CES 2025 โดย Aptera Motors เป็นบริษัทด้านยานพาหนะพลังแสงอาทิตย์ที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 มีเป้าหมายในการสร้างรูปแบบการขนส่งที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเก็บเกี่ยวเชื้อเพลิงจากแสงอาทิตย์ที่มีความสำคัญมาใช้ประโยชน์ได้
สำหรับงาน CES 2025 ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าด้านอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค จะมีการจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-10 มกราคม 2568 ที่ลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา
รถยนต์ในรุ่นเรือธงที่เรียกว่า Aptera สามารถขับเคลื่อนด้วยพลังแสงอาทิตย์ได้ไกลถึง 40 ไมล์ต่อวัน (64 กม.ต่อวัน) รูปทรงได้รับการออกแบบให้ลู่ลมเป็นพิเศษ จึงช่วยประหยัดพลังงานได้มาก นอกจากนี้ ยังมีตัวเลือกสำหรับการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟฟ้าให้วิ่งได้ 400 ไมล์ (640 กม.) ต่อการชาร์จเพียงครั้งเดียว โดยที่ใช้เวลาการชาร์จไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง
ด้วยแพลตฟอร์มยานยนต์ที่เน้นประสิทธิภาพและมาพร้อมกับชุดพลังแสงอาทิตย์ จึงทำให้ Aptera เป็นพาหนะแรกที่เป็นทางเลือกสำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการเป็นอิสระจากน้ำมันและโครงข่ายไฟฟ้า
นับตั้งแต่เปิดตัว Aptera ได้รับคำสั่งซื้อล่วงหน้ามาแล้วด้วยมูลค่า 1.7 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 5.8 หมื่นล้านบาท) โดยมียอดจองรถยนต์เกือบ 50,000 คัน ทั้งจากสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ นอกจากนี้ Aptera ยังได้ระดมทุนประเภทหุ้นผ่านทางออนไลน์ด้วยยอดทุนที่เป็นสถิติใหม่ 135 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4.6 พันล้านบาท) โดยทุนส่วนนี้จะนำมาดำเนินการต่อก่อนเข้าสู่การผลิต
ปัจจุบันนี้ Aptera อยู่ในขั้นตอนการตรวจความสมบูรณ์ ซึ่งเป็นช่วงการพัฒนาขั้นสุดท้ายก่อนที่จะเริ่มต้นการผลิตเป็นชุดต่อเนื่อง โดยในขั้นตอนการตรวจความสมบูรณ์นี้ จะมุ่งสร้าง Aptera เพื่อที่่จะเข้าสู่การผลิตเป็นชุดต่อเนื่อง โดยมีการทดสอบที่เข้มงวดในทางวิศวกรรม ทั้งการออกแบบเพื่อการผลิต ชิ้นส่วนในการผลิต และตัวชี้วัดประสิทธิภาพที่สำคัญต่างๆ เช่น ระยะทาง ความสามารถในการชาร์จด้วยแสงอาทิตย์ และประสิทธิภาพ
Chris Anthony ซีอีโอร่วมของ Aptera Motors กล่าวว่า — “ยานยนต์ที่เราตั้งใจผลิตนี้ไม่เพียงเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงนวัตกรรมและวิศวกรรมที่สั่งสมมาอย่างยาวนานเท่านั้น แต่ยังเป็นวิธีการที่จับต้องได้ในการลดการปล่อยคาร์บอนและกำหนดแนวคิดใหม่เกี่ยวกับการเดินทางที่ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย เราจะแสดงให้โลกเห็นว่า Aptera พร้อมที่จะออกเดินทาง และมอบอนาคตที่สะอาดและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น”
ที่มา: Aptera Motors