Altair ผู้นำระดับโลกด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ประกาศเปิดตัว Altair® HyperWorks® 2023 ซึ่งการอัปเดตแพลตฟอร์มการออกแบบและการจำลองที่ดีที่สุดในระดับเดียวกันของ Altair นี้ บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดดในด้านเทคโนโลยี ด้วยการนำเสนอวิธีการแบบครบวงจร ทั้งการปรับปรุงขั้นตอนการทำงาน เพิ่มระดับประสบการณ์ผู้ใช้ และความสามารถในด้านนวัตกรรม

James R. Scapa ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Altair กล่าวว่า — “การเปิดตัว Altair HyperWorks 2023 ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญสำหรับความสามารถในการออกแบบและการจำลองของ Altair ที่จะมาพลิกรูปแบบการสร้างผลงานของเราอย่างแท้จริง” “เป็นความสำเร็จจากการผสมผสานพลังของวิทยาการคอมพิวเตอร์เข้ากับ AI และ HPC โดยนำมิติใหม่มาสู่เครื่องมือของเรา และส่งมอบพลังและความยืดหยุ่นแก่ผู้ใช้ได้มากขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เพื่อทำให้การเปลี่ยนรูปแบบทางดิจิทัลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และพร้อมสำหรับอนาคต”
Altair HyperWorks 2023 เป็นแพลตฟอร์มที่มีความสามารถอย่างครอบคลุม ทรงพลัง อเนกประสงค์ และยังเป็นแพลตฟอร์ม CAE แบบเปิด ที่เพิ่มศักยภาพให้กับวิศวกรได้ในทุกระดับทักษะ ด้วยชุดผลิตภัณฑ์สำหรับการออกแบบและการจำลองสำหรับอุตสาหกรรมที่หลากหลายประเภท รวมถึงยานยนต์ การบินและอวกาศ อิเล็กทรอนิกส์ และอื่นๆ
แพลตฟอร์มล่าสุดนี้ได้รับการปรับปรุงให้มีความสามารถที่หลากหลาย ทั้งการสร้างประสบการณ์ให้กับผู้ใช้รายใหม่ ให้ความรวดเร็วเป็นพิเศษ เป็นสถาปัตยกรรมแบบเปิดและโปรแกรมได้ และเวิร์กโฟลว์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI นอกจากนี้ ยังมีอินเทอร์เฟซที่ทันสมัยผสมผสานกับ Python API ที่ช่วยให้นักพัฒนาและผู้ใช้สามารถบูรณาการเข้ากับวิธีการต่างๆ ได้อย่างไร้รอยต่อ เป็นการเพิ่มศักยภาพทางเทคโนโลยีอย่างเต็มรูปแบบให้กับแพลตฟอร์มได้สูงสุด
ชุดตัวแก้ปัญหาของ Altair HyperWorks 2023 ประกอบด้วย Altair® OptiStruct®, Altair SimSolid®, Altair® Feko® และอื่นๆ ได้เพิ่มความสามารถใหม่ที่มีนัยสำคัญต่อการแข่งกันได้แบบก้าวกระโดด นอกจากนี้ Altair ยังเปิดตัว Altair Simulation Cloud Suite สำหรับจัดการข้อมูลการจำลอง ซึ่งเกี่ยวข้องอย่างยิ่งกับการบูรณาการ AI ที่ใช้ประโยชน์จากข้อมูลสังเคราะห์ และในที่สุด Altair HyperWorks 2023 ได้ออก Altair® HyperMesh® CFD เป็นครั้งแรก โดยเน้นไปที่หลักอากาศพลศาสตร์ภายนอกเป็นพิเศษ
พลิกโฉมการออกแบบผลิตภัณฑ์
ด้วยอินเทอร์เฟซที่เน้นผู้ใช้เป็นศูนย์กลางของ Altair HyperWorks 2023 ทำให้ทุกเครื่องมือสามารถเข้าถึงได้ง่าย การเสนออินเทอร์เฟซในแบบโมดูลาร์ใหม่ล่าสุดนี้ได้เน้นไปที่การทำงานร่วมกัน โดย Altair HyperWorks 2023 ช่วยให้วิศวกรมีความคล่องตัวในการสำรวจตัวเลือกการออกแบบได้มากขึ้น และทำได้รวดเร็วขึ้น สามารถตัดสินใจโดยใช้แหล่งข้อมูลต่างๆ ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ผสมผสานกันได้แบบไร้รอยต่อ

การจัดการเอนทิตีการสร้างแบบจำลองได้อย่างชาญฉลาด ช่วยเพิ่มสมรรถนะทางกราฟิก ทำให้สามารถทำงานหลายอย่างพร้อมกันสำหรับชิ้นส่วนที่นำมาประกอบกันได้อย่างไร้รอยต่อ ในขณะเดียวกันยังมุ่งไปที่รายละเอียดของส่วนประกอบย่อยที่มีความซับซ้อนได้ อีกทั้งยังมีการใช้ประโยชน์จากสภาพแวดล้อมการประมวลผลที่มีสมรรถนะสูง (HPC) ทำให้สามารถรองรับการจำลองขนาดใหญ่ที่มีความซับซ้อน และสนับสนุนการวิเคราะห์เชิงลึก และการทำงานร่วมกันทั่วโลก
ร่วมกับ AI
Altair HyperWorks 2023 ทำให้การจำลองและการออกแบบเชิงสร้างสรรค์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ให้เป็นไปโดยอิสระและเสมอภาคด้วยการแนะนำวิศวกรผ่านเวิร์กโฟลว์ที่เสริมด้วย AI เพื่อทำให้งานที่ซับซ้อนเป็นไปโดยอัตโนมัติ รวมทั้งบ่งชี้แนวโน้มของข้อมูล และทำให้การคาดการณ์มีความแม่นยำยิ่งขึ้น ด้วย Altair HyperWorks 2023 ผู้ใช้สามารถสร้างโมเดล AI ที่กำหนดขึ้นเองจากรุ่นก่อนๆ และโมเดลแบบลดลำดับเพื่อให้การจำลองระบบมีความเหมาะสมที่สุด ในขณะเดียวกัน คุณสมบัติทั้งหมดนี้ สามารถใช้ประโยชน์ได้จากระบบคลาวด์เพื่อจัดการปริมาณงานให้เหมาะสมได้อย่างไร้รอยต่อ
เร่งการสร้างนวัตกรรม
ด้วยการที่ Altair HyperWorks 2023 เป็นแพลตฟอร์มแบบเปิดและสามารถโปรแกรมได้ สามารถช่วยให้ผู้ใช้นำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น จากคุณสมบัติต่างๆ ทั้งให้ความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับขนาดเพื่อปรับแต่งเวิร์กโฟลว์เป็นการเฉพาะ ผสานรวมกับโฮสต์ของ Altair และซอฟต์แวร์บุคคลที่สาม และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานผ่านระบบอัตโนมัติ ผู้ใช้สามารถใช้ประโยชน์จาก Python API และบูรณาการเข้าด้วยกับอย่างไร้รอยต่อระหว่างระบบการจัดการข้อมูลผลิตภัณฑ์และตัวแก้ปัญหาที่มีระเบียบข้อบังคับอันหลากหลาย รวมถึงการวิเคราะห์โครงสร้างด้วยวิธีไฟไนต์เอลิเมนต์ (FEA) พลศาสตร์ของไหลเชิงคำนวณ (CFD) พลศาสตร์หลายส่วน แม่เหล็กไฟฟ้า และระบบอัตโนมัติในการออกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EDA)

คุณสมบัติต่างๆ ที่มีความโดดเด่นที่ได้รับการปรับปรุงใน Altair HyperWorks 2023 ได้แก่
- Altair® Inspire™ เพิ่มความสามารถทางเรขาคณิตได้อย่างน่าประหลาดใจ เพื่อสร้างและปรับโครงสร้างแลตทิชน้ำหนักเบาให้มีความเหมาะสมที่สุด เสริมด้วยเทคโนโลยีการแสดงภาพและการเรนเดอร์ที่ล้ำสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับวิธีการริเริ่มคิดล่วงหน้าที่นำเข้าสู่การออกแบบที่ขับเคลื่อนด้วยการจำลองของแพลตฟอร์ม
- Altair HyperMesh มีความสามารถทั้งก่อนและหลังการประมวลผลผ่านเครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วย AI และเวิร์กโฟลว์สำหรับการออกแบบยุคหน้าและการปรับให้เหมาะสมที่สุด โดยเป็นสถาปัตยกรรมแบบเปิด รองรับ Python API และบูรณาการเข้ากับระบบและตัวแก้ปัญหาของบริษัทที่สามได้อย่างไร้รอยต่อ
- Altair HyperMesh CFD องค์ประกอบเหล่านี้มีความสามารถจากการปรับปรุงเวิร์กโฟลว์ CFD ภายในสภาพแวดล้อมที่เป็นหนึ่งเดียว พร้อมด้วยเครื่องมือสร้างแบบจำลองทางเรขาคณิต การปรับปรุง CAD Wrapper และระบบอัตโนมัติของกระบวนการ โดยนำเข้าสู่เวิร์กโฟลว์แบบ end-to-end เพื่อจัดการกับการไหลของของไหลภายนอก และการรบกวนของภาวะเรือนกระจก ผ่านการจำลองอากาศพลศาสตร์ขั้นสูง และการจำลองการเกิดเสียงของพัดลม
- Altair® SimLab® ยังคงเป็นวิธีการมัลติฟิสิกส์ที่ดีที่สุดในระดับเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และ EDA ที่ตลาดได้เปลี่ยนไปสู่เทคโนโลยี 3D-IC กันมากขึ้น
- Altair Simulation Cloud Suite (SCS) สร้างความมั่นคงให้เกตเวย์เพื่อกระบวนการจำลองและการจัดการข้อมูล โดยเน้นไปที่การสร้างความแข็งแกร่งของแพลตฟอร์ม
- Altair® Twin Activate™ ซึ่งเป็นรากฐานของวิธีการแฝดดิจิทัลของ Altair ช่วยให้วิศวกรมีเครื่องมือที่ครอบคลุมในการสร้างและจัดการแฝดดิจิทัล
- Altair SimSolid ทำให้สะดวกต่อการเปลี่ยนผ่านจาก CAD ไปสู่การจำลองได้อย่างไร้รอยต่อ ให้ผลลัพธ์เร็วกว่าตัวแก้ปัญหาไฟไนต์เอลิเมนต์แบบดั้งเดิมถึง 25 เท่า ขจัดความจำเป็นในการเตรียมรูปทรงเรขาคณิตที่ซับซ้อนหรือการประกบเข้ากัน และเสนอทางเลือกสำหรับการใช้งานระบบคลาวด์
ที่มา: Altair