แน่นอนว่าทุกคนคาดหวังที่จะได้เห็นเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยในการก้าวเข้าสู่ยุคแห่งการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลอย่างเต็มตัว สำหรับอุตสาหกรรมโทรคมนาคมในปี 2023 ทุกภาคส่วนต่างคาดหวังว่าจะได้เห็นการเพิ่มขึ้นของเทคโนโลยีและเทรนด์ต่างๆ เพื่อเพิ่มประสบการณ์ของลูกค้า รวมถึงสร้างการเติบโตให้กับอุตสาหกรรมโทรคมนาคม

Image Credit : aun.edu.ng
เทรนด์ทั้ง 4 นี้ ไม่ใช่การคาดหวังที่ไกลเกินความจริง แต่คือโอกาสที่จะเข้ามาปฏิวัติเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม
เทรนด์ที่ 1 : ChatGPT จะเป็นเครื่องมือใหม่ที่เป็นที่ต้องการ
AI ปัญญาประดิษฐ์กำลังเปลี่ยนแปลงแทบทุกอุตสาหกรรม รวมถึงการสื่อสารโทรคมนาคมเช่นกัน โดยเฉพาะ ChatGPT ที่กำลังสร้างกระแสอย่างน่าสนใจ เครื่องมือ AI ที่จะเข้ามาสร้างความแตกต่างความใกล้เคียงที่เสมือนจริงกับภาษามนุษย์ในเชิงการสนทนา
จากการวิจัยของ Gartner ภายในปี 2027 แชทบอทจะกลายเป็นช่องทางการบริการลูกค้าหลักสำหรับองค์กรราวหนึ่งในสี่สำหรับอุตสาหกรรมโทรคมนาคม สามารถเปลี่ยนเครื่องมือการบริการลูกค้า เช่น แชทบอทและผู้ช่วยเสมือนที่เปิดใช้งานด้วยเสียง ซึ่งมีศักยภาพในระยะยาวสำหรับแนวทางการพัฒนาซอฟต์แวร์และแอปในอนาคต ดังนั้นเทรนด์ ChatGPT จึงน่าจับตามองในลำดับต้นๆ สำหรับอุตสาหกรรมโทรคมนาคมอย่างที่ปฏิเสธไม่ได้
เทรนด์ที่ 2 : การเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่ายด้วย AI
อุตสาหกรรมโทรคมนาคมมีข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนสูงมาก เช่น ที่ตั้ง หมายเลขโทรศัพท์ และข้อมูลบัญชีการเรียกเก็บเงินค่าบริการต่างๆ ข้อมูลเหล่านี้จึงกลายเป็นขุมทองสำหรับกลุ่มแฮ็กเกอร์ในการโจรกรรมข้อมูลส่วนตัว และอื่นๆ
จากการวิจัยของ McKinsey การเพิ่มขึ้นของการโจมตีทางไซเบอร์ ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายหลายล้านล้านดอลลาร์ทั่วโลกในทุกปี และหมายความว่าธุรกิจต่างๆ หันมาใช้ผู้เชี่ยวชาญเพื่อเสริมการป้องกันทางไซเบอร์ที่ดีที่สุด
การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI สามารถสร้างเครื่องมือในการป้องกันความปลอดภัยทางไซเบอร์ขั้นสูงมากขึ้นได้ AI สามารถลดเวลาในการตอบสนองได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้ทีมรักษาความปลอดภัยในโลกไซเบอร์มีโอกาสที่จะลดภัยคุกคามให้เหลือน้อยที่สุดก่อนที่จะสามารถใช้ประโยชน์จากระบบข้อมูลภายในได้
อย่างไรก็ตาม ผู้ให้บริการโทรคมนาคมเคลื่อนที่ต้องมั่นใจว่ามีแผนในการผสานรวมโซลูชัน AI เข้ากับระบบและกระบวนการที่มีอยู่อย่างราบรื่น เพื่อไม่ให้ขัดขวางการดำเนินงานในปัจจุบันและดูแลความเสี่ยงของเครือข่าย
เทรนด์ที่ 3 : 5G จะทำให้ความคิดริเริ่มด้าน ESG ก้าวหน้าขึ้น
“แค่ปรับปรุงความเร็วเครือข่าย สามารถช่วยให้บรรลุเป้าหมาย ESG ได้”
ผลสำรวจล่าสุดของ Gartner เปิดเผยว่า 87% ของผู้นำธุรกิจคาดหวังที่จะเพิ่มการลงทุนขององค์กรในด้านความยั่งยืนในอีกสองปีข้างหน้า ซึ่งรวมถึงการสนับสนุนเป้าหมาย ESG ทั่วทั้งองค์กร ศักยภาพของ 5G สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยการลดปัญหาการจราจรติดขัด ปรับปรุงการควบคุมการจราจร รับประกันว่ารถยนต์วิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ และปรับปรุงระบบขนส่งมวลชนให้เหมาะสม
สำหรับภาคโทรคมนาคม ผู้นำธุรกิจควรเริ่มมองหาอุปกรณ์ สถาปัตยกรรม และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เพื่อลดการพึ่งพาพลังงานสำหรับบริการของตน
เทรนด์ที่ 4 : Network as a platform
แพลตฟอร์มเครือข่ายจะเชื่อมโยงผู้ซื้อ ผู้ขาย และผู้ให้บริการโดยตรง ซึ่งช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการโต้ตอบทางธุรกิจ ลดความซับซ้อนให้กับระบบสนับสนุนต่างๆ และลดต้นทุนรวมอย่างมากในการให้บริการลูกค้าปลายทาง สิ่งนี้จะทำให้เครือข่ายมีความคล่องตัวและยืดหยุ่นมากขึ้นทั้งกับลูกค้าและคู่ค้า
การใช้ AI สำหรับ network as a platform ผู้ให้บริการโทรคมนาคมจำเป็นต้องมีโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับระบบที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งอาจรวมถึงระบบคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพระดับสูง ระบบจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ และเทคโนโลยีอื่นๆ ที่จำเป็นสำหรับการเรียกใช้และการบริหารจัดการเครือข่ายเป็นระบบ
บทสรุป
ปี 2023 จะเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงสำหรับอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ทั้งสี่เทรนด์ข้างต้นจะเข้ามาปฏิวัติทางด้านเทคโนโลยีที่สำคัญสู่ Digital Transformation เพื่อยกระดับคุณภาพการบริการที่ดียิ่งขึ้น และโอกาสในการสร้างรายได้ใหม่ๆ รวมถึงการปรับปรุงเครือข่ายของตนเอง ให้สามารถเป็นระบบการสื่อสารที่มีการเชื่อมต่อที่มีประสิทธิภาพสูง ปลอดภัยสำหรับผู้ใช้ทั้งหมด และปรับปรุงการสื่อสารสำหรับธุรกิจมากขึ้นสำหรับปี 2023
ที่มา : https://www.wwt.com/article/global-service-provider-2023-industry-trends