เทคนิคการไม่เปิดเผยตัวตนแบบ 3 มิติ เพื่อความปลอดภัยในที่ทำงาน ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล และจริยธรรม AI ในระดับสูงสุด

Intenseye ผู้นำวิธีการสร้างความปลอดภัยในที่ทำงานที่ขับเคลื่อนด้วย AI เปิดตัวเทคโนโลยีล่าสุดที่อยู่ระหว่างการจดสิทธิบัตร คือ เทคนิคการไม่เปิดเผยตัวตนแบบ 3 มิติ (3D anonymization) ที่จะปฏิวัติวงการเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นในความปลอดภัยในที่ทำงาน ขณะเดียวกันยังรักษาความเป็นส่วนตัวของพนักงานไว้ในระดับสูงสุด

ตัวอย่างในทางปฏิบัติของเทคนิคการไม่เปิดเผยตัวตนแบบ 3 มิติ

Intenseye นำเทคนิคการเบลอใบหน้ามาใช้ เพื่อป้องกันการแก้แค้นและปกป้องการพิสูจน์เอกลักษณ์ของบุคคล โดยผ่านการรับรอง SOC 2 Type I and II ซึ่งเป็นการยืนยันความถูกต้องตามนโยบายและขั้นตอนด้านความปลอดภัย ความพร้อมใช้งาน ความเป็นส่วนตัว และการรักษาความลับ และยังเป็นแพลตฟอร์ม AI ด้านความปลอดภัยเพียงหนึ่งเดียวที่สอดคล้องกับมาตรฐานและกฎระเบียบความเป็นส่วนตัวของข้อมูล SOC 2 และ GDPR (General Data Protection Regulation) ซึ่งในขณะนี้ เทคนิคการไม่เปิดเผยตัวตนแบบ 3 มิติ ยังเป็นแพลตฟอร์มมีความแข็งแกร่งขึ้นไปอีก จากการสร้างความเชื่อมั่นได้ตามแนวปฏิบัติด้านจริยธรรมและความรับผิดชอบของ AI ในการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล

การไม่เปิดเผยตัวตนแบบ 3 มิติ

ด้วยหลักการไม่เปิดเผยตัวตนอันล้ำสมัยที่มีอยู่ใน AI ของ Intenseye ทำให้บุคคลที่อยู่ในพื้นที่เฝ้าตรวจในสถานที่ทำงาน ไม่ได้รับการพิสูจน์เอกลักษณ์อย่างสมบูรณ์ และไม่กระทบต่อบริบทโดยรวมของการตรวจจับการกระทำและเงื่อนไขที่ไม่ปลอดภัย

ความสามารถนี้มาจากการใช้อัลกอริทึมการเรียนรู้เชิงลึกขั้นสูง โดยจะมีการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลไว้ในตอนแรก จากนั้นจะติดตามการเคลื่อนไหวของบุคคลไปทุกแห่งในพื้นที่ 3 มิติ จนกว่าพวกเขาจะออกไปนอกฉาก จากนั้นอัลกอริทึมจะตรวจจับจุดสำคัญในเชิง 3 มิติ จับท่าทาง โดยการตรวจจับแขน ขา และข้อต่อ หลังจากนั้นเทคนิคการไม่เปิดเผยตัวตนแบบ 3 มิติ ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Intenseye จะนำภาพบุคคลนั้นออกไป และสร้างแอนิเมชั่นที่เรนเดอร์ให้เหมือนจริงโดยไม่ต้องระบายสีบนภาพไปใส่ไว้แทน จึงสร้างความมั่นใจได้ว่า จะไม่สามารถเรียกคืนภาพจริงของบุคคลจากแอนิเมชั่นที่ไม่เปิดเผยตัวตนนั้นได้อีก

การไม่เปิดเผยตัวตนจากการประทับเวลา

Intenseye เชื่อว่าความปลอดภัยในที่ทำงานและความเป็นส่วนตัวของพนักงานควรมีความสำคัญเท่าเทียมกัน เพื่อสนับสนุนหลักการนี้ แพลตฟอร์มได้เพิ่มคุณสมบัติใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถลบการประทับเวลาออกจากข้อมูลภาพที่ AI ของแพลตฟอร์มได้ดำเนินการ ด้วยการลบการประทับเวลาทั้งหมดออกจากฟุตเทจของกล้อง CCTV และแสดงรายการฟุตเทจตามลำดับแบบสุ่ม เพื่อป้องกันการละเมิดความเป็นส่วนตัว และรับประกันความเป็นส่วนตัวของพนักงานในระดับสูงสุด การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่า จะไม่มีใครสามารถระบุตัวพนักงานได้ในเวลาที่เกิดเหตุความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัวของพวกเขาได้รับการคุ้มครองอย่างเต็มที่ การทำเช่นนี้จะสามารถรักษาวัฒนธรรมความปลอดภัยไว้ได้โดยไม่ต้องไปเกี่ยวพันกับการไม่เปิดเผยตัวตนของพนักงาน

เพียงติดตามเหตุการณ์ ไม่ใช่ตัวบุคคล

ด้วยความแตกต่างจากระบบเฝ้าระวังแบบดั้งเดิม วิธีการของ Intenseye ได้รับการออกแบบมาเป็นการเฉพาะให้ติดตามเหตุการณ์มากกว่าติดตามบุคคล โดยใช้อัลกอริทึมการเบลอใบหน้าขั้นสูง และการไม่เปิดเผยตัวตนแบบ 3 มิติ จึงสามารถรักษาความเป็นส่วนตัวของพนักงานและปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของพวกเขา ส่งเสริมความรู้สึกปลอดภัยทางจิตใจและความไว้วางใจในสถานที่ทำงาน

Melih Yönet หัวหน้าฝ่ายกฎหมายของ Intenseye กล่าวว่า “ความปลอดภัยในที่ทำงานมีความสำคัญสูงสุด และเราเชื่อว่าสามารถทำได้โดยไม่กระทบต่อความเป็นส่วนตัวของพนักงาน” “นวัตกรรมซอฟต์แวร์ของเราเป็นสิ่งยืนยันถึงความเชื่อนี้ เนื่องจากช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถตรวจสอบและปรับปรุงเงื่อนไขด้านความปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันก็เคารพความเป็นส่วนตัวของพนักงานของตน”

การมุ่งเน้นไปที่ความปลอดภัยทางกายและจิตใจ ทำให้ซอฟต์แวร์ของ Intenseye เป็นสินทรัพย์อันล้ำค่าสำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นให้กับพนักงานของตน วิธีการของ Intenseye ไม่เพียงช่วยลดอุบัติเหตุในที่ทำงาน แต่ยังส่งเสริมวัฒนธรรมแห่งความไว้วางใจและความเคารพในหมู่พนักงาน และก่อให้เกิดความปลอดภัยทางใจในที่ทำงานจากการติดตามเหตุการณ์มากกว่าติดตามตัวบุคคล

ความมุ่งมั่นที่มีต่อ AI ในด้านจริยธรรม

Intenseye มุ่งมั่นที่จะผลักดันขอบเขตความปลอดภัยในที่ทำงาน ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล และแนวทางปฏิบัติด้าน AI อย่างมีจริยธรรม โดยการรวมนโยบาย AI ด้านความรับผิดชอบ เข้ากับกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อให้มั่นใจว่า มีความสอดคล้องกับกรอบการกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง รวมถึง GDPR ซึ่งบริษัทได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบของ GDPR ที่ใช้กล้องวงจรปิดเพียงเพื่อผลประโยชน์ที่ถูกต้องตามกฎหมายในการรักษาสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย Intenseye ยังปรับปรุงโปรโตคอลความเป็นส่วนตัว โดยดำเนินการเชิงรุกเพื่อป้องกันอคติที่อาจเกิดขึ้น หรือการใช้เทคโนโลยีที่ผิดจรรยาบรรณ บริษัทให้คำมั่นที่จะประเมินชุดข้อมูลและเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันอคติและการเลือกปฏิบัติโดยไม่ได้ตั้งใจ ในขณะที่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของบุคคล และไม่เก็บข้อมูลส่วนบุคคลใดๆ

Intenseye ได้ประมวลผลชุดข้อมูล 2.2 หมื่นล้านภาพ ที่รวบรวมมาจาก 25 ประเทศ ทำให้เป็นชุดข้อมูลที่หลากหลายที่สุดในสาขา AI ด้านความปลอดภัย ชุดข้อมูลที่ใหญ่โตนี้ทำให้ได้ตัวอย่างที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นต่อการพัฒนากรณีการใช้งาน (use-case) ที่เกี่ยวข้อง และสามารถฝึกอบรมโมเดล AI ที่ดีที่สุดเพื่อความปลอดภัยในที่ทำงาน โดยนโยบายด้าน AI ที่มีความรับผิดชอบของบริษัท ถูกรวมเข้ากับกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างลึกซึ้ง และเป็นความภูมิใจที่ได้เสนอวิธีการความปลอดภัยในที่ทำงานที่ถูกต้อง เชื่อถือได้ ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ โดยคำนึงถึงสวัสดิภาพ และความเป็นส่วนตัวของพนักงานเป็นอันดับแรก

Tarra Gomory หัวหน้าฝ่ายความสำเร็จของลูกค้าของ Intenseye กล่าวว่า “เรากำลังปฏิวัติความปลอดภัยในที่ทำงาน พร้อมรักษามาตรฐานสูงสุด ทั้งความสมบูรณ์ ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล และจริยธรรมในแนวทางปฏิบัติของเราด้าน AI ซึ่งนวัตกรรมของเราช่วยลดการบาดเจ็บและช่วยชีวิต ในขณะที่ยังรักษาความเป็นส่วนตัวของแต่ละบุคคลไว้ ทำให้เกิดคุณค่าที่ประเมินไม่ได้สำหรับลูกค้าของเรา เราจะยังคงเปลี่ยนแปลงรูปแบบของอุตสาหกรรม EHS (Environment, Health & Safety) ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ ในขณะที่ยังยึดมั่นในมาตรฐานจริยธรรมสูงสุดสำหรับ AI”

Gökhan Yıldız ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจของ Intenseye กล่าวว่า “เพื่อตอบสนองความต้องการทั่วโลกสำหรับแนวทางปฏิบัติด้านแรงงานที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และไม่แสวงหาประโยชน์จากกฎระเบียบของ AI เราจึงเลือกที่จะไม่รอให้หน่วยงานกำกับดูแลกำหนดว่าควรทำอย่างไร โดยเรารับหน้าที่ในการออกแบบ AI อย่างมีจริยธรรม และปรับใช้อย่างมีความรับผิดชอบ เพื่อส่งเสริมความปลอดภัยทางใจในที่ทำงาน เทคนิคการไม่เปิดเผยตัวตนในแบบ 3 มิติ สามารถช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวของบุคคล ในขณะที่ลดความกังวลเกี่ยวกับการเฝ้าดูอาการแบบกลุ่ม”

ที่มา: Intenseye

About pawarit

Check Also

Movement GPT ผู้ช่วยในแบบ generative AI รายแรกสำหรับห่วงโซ่อุปทาน โดย project44

project44 ผู้สร้างแพลตฟอร์มชั้นนำด้านทัศนสามารถในห่วงโซ่อุปทาน (supply chain visibility) ประกาศเปิดตัวปัญญาประดิษฐ์ใหม่ภายในแพลตฟอร์มของ project44 ที่ชื่อว่า Movement โดยใช้ความสามารถของโมเดล generative AI ทำให้เป็น Movement GPT …

Alibaba บูรณาการเทคโนโลยีเข้ากับธุรกิจค้าปลีกเพื่อสร้างซัพพลายเชนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

Alibaba Group ใช้สมรรถนะของแพลตฟอร์มและขีดความสามารถด้านการประมวลผลบนคลาวด์ของตน สร้างระบบซัพพลายเชนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (green supply chains) มากขึ้นในจีน